กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนเลเซอร์อวัยวะเพศชายให้ขาว อันตรายได้ไม่คุ้มเสีย เจ็บทั้งตัว เสียทั้งเงิน พร้อมประสานพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ตรวจสอบเนื้อหาการโฆษณา ชี้แม้ไม่ได้โฆษณาเองแต่ปล่อยให้ผู้อื่นโฆษณาให้ก็ผิดเช่นกัน
จากกรณี ที่มีหญิงสาวรายหนึ่งโพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการใช้เทคนิคเลเซอร์ลดการสร้างเม็ดสีผิวบริเวณอวัยวะเพศชาย ให้ขาวขึ้น ของสถานพยาบาลแห่งหนึ่ง นั้น
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2561 นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า การใช้เลเซอร์เพื่อทำให้ผิวขาวขึ้นนั้น หากนำมาใช้กับอวัยวะเพศชาย อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้รับบริการ ทั้งเกิดอาการเจ็บปวดขณะทำ การระคายเคืองได้ง่ายกว่าก่อนทำ ผิวหนังอักเสบ เกิดรอยแผลเป็น และอาจส่งผลกระทบถึงระบบสืบพันธุ์ และการมีเพศสัมพันธ์ได้ รวมทั้ง เมื่อหยุดทำเลเซอร์ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศชายก็จะกลับมาดำเหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นจุดด่างดำดูน่าเกลียด เพราะการทำเลเซอร์ไม่ได้ให้ผลถาวร จึงมองว่าการทำเลเซอร์ให้อวัยวะเพศขาวขึ้นนั้นไม่ใช่สิ่งจำเป็น เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ และอาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีอีกด้วย
นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า สำหรับในส่วนของการโฆษณาที่มีการใช้ภาพคนไข้ที่อยู่ในอิริยาบถที่ดูแล้วไม่เหมาะสม ส่อไปทางลามก อนาจาร รวมทั้ง เป็นการโฆษณาเครื่องมือแพทย์ กรม สบส.ได้ประสานพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ในพื้นที่ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อตรวจสอบเนื้อหาดังกล่าว ซึ่งแม้สถานพยาบาลดังกล่าวจะไม่ได้เป็นผู้โฆษณาด้วยตนเองแต่ตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ได้กำหนดให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง ห้ามปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นโฆษณาสถานพยาบาลแทนโดยการใช้ข้อความ ภาพ เสียง อาทิ การถ่ายคลิป/ไลฟ์สดผ่านสื่อโซเชียล ไม่ว่าสถานพยาบาลจะมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ หรือไม่แต่หากมิได้มีการทักท้วง หรือปฏิเสธ ก็จะถือว่าเข้าข่ายรู้เห็น ยินยอมให้มีการโฆษณาสถานพยาบาลแทน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทจนกว่าจะระงับการโฆษณา และหากพบว่าผู้ประกอบวิชาชีพอาจมีการกระทำผิดมาตรฐานจะส่งเรื่องให้สภาวิชาชีพดำเนินการด้านจริยธรรมด้วย
ทั้งนี้ หากผู้ใดพบเบาะแสการโฆษณาโอ้อวด เกินจริง หรือมีเนื้อหาล่อแหลมสื่อไปในทางลามก โดยสถานพยาบาลเอกชน หากอยู่ในเขตกรุงเทพฯ สามารถแจ้งได้ที่กรม สบส.ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02 193 7000 ต่อ 18618 หรือ 18830 แต่หากอยู่ในส่วนภูมิภาคสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ ในวันและเวลาราชการ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยไม่มีการละเว้นแต่อย่างใด
- 177 views