ปลัด สธ.เผยความคืบหน้ากรณีลวนลาม ได้ข้อสรุปผลการสืบสวนสัปดาห์หน้า หากผลออกมาผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยต่อไป ชี้ใครทำผิดต้องถูกลงโทษ
นพ.โสภณ เมฆธน
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2560 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือจากนายจะเด็จ เชาว์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายไทยก้าวไกล และผู้แทนเครือข่ายต่างๆ กรณีเจ้าหน้าที่หญิงถูกข้าราชการชายลวนลาม ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบายให้ดำเนินการเรื่องนี้จริงจัง ใครผิดก็ว่าไปตามผิด พาดพิงถึงใครให้สืบหาข้อเท็จจริง กระทรวงเองดำเนินการตามนโยบายของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เรื่องความเท่าเทียมของหญิงชายอย่างเคร่งครัด และมีนโยบายเป็นโรงพยาบาลคุณธรรม หน่วยงานคุณธรรม กระทรวงคุณธรรม
สำหรับเรื่องนี้ เมื่อรับทราบ ตนได้สั่งการให้สอบสวนดำเนินการอย่างจริงจังทันที โดยย้ายข้าราชการดังกล่าวไปปฏิบัติงานที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนนทบุรี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการข่มขู่ ในวันนี้ข้าราชการดังกล่าว ได้มาให้ปากคำกับคณะกรรมการสืบสวนแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า หากคณะกรรมการฯ ลงความเห็นว่าผิดวินัยร้ายแรงหรือผิดวินัยไม่ร้ายแรง ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงหรือวินัยไม่ร้ายแรงต่อไป รวมทั้งจะพิจารณาข้อมูลข้าราชการอื่นที่ถูกพาดพิงด้วย
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขมีระบบรับเรื่องร้องทุกข์ร้องเรียน มีกล่องรับเรื่องร้องทุกข์ ทั้งส่วนที่เปิดเผยชื่อหรือไม่เปิดเผยชื่อ และรัฐมนตรี ตนเอง รวมถึงรองปลัดกระทรวงฯ ทุกคนยินดีที่จะรับเรื่อง ขอให้มั่นใจในระบบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส มีผู้รับผิดชอบดูแล ใครทำผิดต้องถูกลงโทษ ขณะเดียวกัน ตนได้พูดคุย ให้กำลังใจน้องผู้เสียหายว่า กระทรวงดำเนินการเต็มที่ ไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องคดีกระทรวงฯ จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ สำหรับคณะกรรมการสืบสวน มีผู้อำนวยการกลุ่มเสริมสร้างวินัยและคุณธรรม เป็นประธาน และไม่มีเจ้าหน้าที่จากกองที่ข้าราชการชายอยู่เป็นกรรมการ ส่วนการให้คนภายนอกมาร่วมเป็นกรรมการนั้น เครือข่ายฯ ไม่ต้องกังวล เพราะเรามีบุคลากรสาธารณสุขกว่า 3 แสนคน มีนิติกรจำนวนมาก สามารถดำเนินการได้
“ผมดูแลลูกน้องผม ขอให้อย่านำชื่อ สกุลไปเปิดเผย หากเป็นญาติของตนเองจะคิดอย่างไร และจะขึ้นไปถ่ายภาพสำนักงาน ผมคิดว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ขอให้ปกป้องสิทธิผู้เสียหายด้วย” นพ.โสภณ กล่าว
- 3 views