กรมควบคุมโรค ห่วงสุขภาพคนทำงานออฟฟิศ เผยผลสำรวจส่วนใหญ่ป่วย 3 โรค 1.ปวดหลังเรื้อรัง 2.ไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง 3.มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อก แนะปรับสมดุลพิชิต 2 ม. เมื่อยตัว และเมื่อยตา ยืดเหยียดกล้ามเนื้อและพักสายตาบ่อยๆ ลดความเมื่อยล้าของร่างกาย ป้องกันอาการออฟฟิศซินโดรม
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยสุขภาพคนทำงานออฟฟิศ หวั่นเกิดอาการออฟฟิศซินโดรม ซึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อมในที่ทำงานไม่เหมาะสม แนะหากิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย ยืดเหยียดกล้ามเนื้อบ่อยๆ ลดความเมื่อยล้าของร่างกาย และควรพักสายตาจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์ทุกๆ 1 – 2 ชั่วโมง และให้พักสายตาบ่อยๆ
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ที่กรมควบคุมโรค นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวงาน Smart Office Workers “ปรับสมดุลคนทำงานออฟฟิศพิชิต 2 ม.” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนทำงานออฟฟิศมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน และสร้างความตระหนักเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้ถูกต้องและเหมาะสม
ซึ่งจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี 2559 ประเทศไทย มีจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ประมาณ 20.2 ล้านคน เป็นกลุ่มวัยทำงาน (อายุ 15 – 59 ปี) ที่ใช้คอมพิวเตอร์จำนวน 14.4 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.2 และจากผลสำรวจพนักงานที่ทำงานในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งจำนวน 400 คน พบว่าร้อยละ 60 มีอาการเจ็บป่วยจากการทำงาน โดยอาการที่พบได้บ่อยคือ 1.ปวดหลังเรื้อรัง 2.ไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง และ 3. มือชา เอ็นอักเสบ นิ้วล็อก
นพ.เจษฎา กล่าวต่อว่า ออฟฟิศซินโดรม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นกับคนที่ทำงานในออฟฟิศ สาเหตุของโรคมักเกิดจากสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงานไม่เหมาะสม ไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถหรือเคลื่อนไหวร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ อวัยวะส่วนต่างๆ ทั้งนี้ ช่วงอายุของผู้มีอาการออฟฟิศซินโดรม จากอดีตมักพบในกลุ่มคนวัยทำงานอายุ 40 ปี ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 20 กว่าปี สาเหตุอาจเป็นเพราะวิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยน เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น มีการใช้โซเชียลอย่างแพร่หลาย โดยในกลุ่มที่เล่นโซเชียลผ่านโทรศัพท์มือถือนานๆ ส่วนใหญ่จะพบการอักเสบของข้อมือ และในระยะยาวอาจเกิดอาการนิ้วล็อก เหยียดให้ตรงไม่ได้
กรมควบคุมโรค มีความตระหนักและห่วงใยในปัญหาโรคที่เกิดจากการทำงาน จึงได้แนะนำวิธีป้องกันและปรับสมดุลคนทำงานออฟฟิศพิชิต 2 ม. (เมื่อยตัว และเมื่อยตา)
1) "ม. เมื่อยตัว" ป้องกันได้โดยการนั่งทำงานด้วยท่าทางการทำงานที่ถูกต้องเหมาะสม ของที่ใช้บ่อยให้วางไว้ใกล้ตัว จัดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมแก่ผู้ใช้งาน โดยหน้าจอคอมพิวเตอร์และเก้าอี้ที่นั่ง ควรปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้แต่ละคน ควรหยุดพักเป็นระยะระหว่างทำงาน หากิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายหรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อ จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ลดความปวดเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้เป็นอย่างดี
2) วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหา "ม.เมื่อยตา" คือ จัดตำแหน่งการทำงานให้เหมาะสม แสงสว่างเพียงพอ ขณะทำงานให้กระพริบตาบ่อยๆ เพื่อป้องกันภาวะตาแห้ง หรือให้พักหลับตาประมาณ 3 -5 วินาทีบ่อยๆ เพื่อช่วยกระตุ้นต่อมน้ำตาให้ไหลออกมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ควรมีการพักสายตาเป็นช่วงสั้นๆจากการทำงานกับคอมพิวเตอร์ทุกๆ 1 – 2 ชั่วโมง ให้พักสายตาประมาณ 5 – 10 นาที โดยละสายตาจากคอมพิวเตอร์ มองไปไกลๆ และควรลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสายบ้าง หากรู้สึกเคืองตา ปวดตา หรือแสบตา ให้พักสายตาทันที อย่าฝืนทำงานต่อ
“ในโอกาสนี้ ขอสนับสนุนให้คนทำงานออฟฟิศทั่วประเทศหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของตัวเอง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของสุขภาพ ให้ทุกคนเป็น Smart Office Workers เพื่อสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเรื่อง Safety Thailand ซึ่งมุ่งเน้นการลดอุบัติเหตุและลดโรคจากการทำงาน หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นพ.เจษฎา กล่าว
- 85 views