ผู้ป่วยหญิงอัมพฤกษ์ ใช้สิทธิบัตรทองรักษาแผนไทย ทั้งฝังเข็ม-นวดบำบัด กลับมาเดินได้ หลังทนทุกข์10 ปี ต้องคลานเข้าห้องน้ำ จนเคยคิดฆ่าตัวตาย ระบุได้รับการรักษาต่อเนื่องดูแลอย่างดีจาก “ทีมแพทย์คศิริพัฒน์สหคลินิก” พร้อมคนรอบข้างช่วยให้กำลังใจ ชื่นชมระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติช่วยเข้าถึงการรักษาอย่างทั่วถึง ด้าน “หมอสัญชัย” เผย คลินิกให้บริการเน้นรักษาแบบองค์รวม แพทย์แผนปัจจุบันควบคู่แพทย์แผนไทย รุกงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ลดปัญหาขาดทุนได้ ขยายตั้งคลินิกเพิ่ม 2 แห่งเขตหนองจอก ดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเพิ่ม
นพ.สัญชัย ห่วงกิจ ผู้ประกอบการศิริพัฒน์สหคลินิก กล่าวว่า ศิริพัฒน์สหคลินิกเป็นหน่วยบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดบริการ 3 แห่ง ในเขตสายไหมมา 10 ปี ที่ผ่านมาได้ให้บริการรักษาพยาบาลและดูแลสุขภาพผู้มีสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง มีประชาชนที่ขึ้นทะเบียนแห่งละ 12,000 คน โดยการดำเนินงานคลินิกแห่งแรกเป็นการรับโอนกระจายผู้มีสิทธิจาก รพ.ภูมิพล เพื่อลดความแออัด เน้นบริการรักษาแบบองค์รวม มีบริการทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทย และยังมีแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา รวมถึงยังได้ให้บริการงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยเฉพาะประชาชนที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเกิดโรค
ทั้งนี้จากการให้บริการที่ผ่านมา นอกจากการรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไปแล้ว ยังมีผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตเข้ารับการรักษายังคลินิกอย่างต่อเนื่อง โดยในจำนวนนี้มีผู้ป่วยหญิงรายหนึ่ง อายุ 67 ปี ย้ายสิทธิมาจาก รพ.ภูมิพล เดินไม่ได้มาเป็นเวลาร่วม 10 ปี ด้วยอาการขาอ่อนแรง ขาค่อนข้างลีบลง ซึ่งหลังจากเข้ารับการรักษาที่คลินิกแล้ว ยังได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิผู้พิการด้านการเคลื่อนไหว ทำให้สามารถรับบริการแพทย์แผนไทยได้ ทั้งการรักษาด้วยการฝังเข็มและการนวดแผนไทย นอกจากสภาพขาผู้ป่วยที่ยังเหยียดตรงและยังขยับได้ ประกอบกับผู้ป่วยมีกำลังใจดีในเข้ารับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในช่วงเวลาเพียง 6 เดือน ผู้ป่วยหญิงรายนี้สามารถลุกขึ้นยืนและเดินได้ แต่อาจยังต้องมีการพยุงเดิน
“เดิมผู้ป่วยหญิงรายนี้ไปไหนมาไหนจะต้องคลาน เป็นแบบนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ตอนแรกที่มารักษาที่คลินิกผู้ป่วยถึงกับร้องไห้และบอกว่าอยากฆ่าตัวตาย แต่ยังโชคดีที่ยังมีลูกชายที่คอยให้กำลังใจและยินดีจะต่อสู้เพื่อช่วยแม่ให้หายจากโรค ซึ่งเดิมผู้ป่วยอาศัยอยู่บนชั้น 4 ของเคหะออเงิน แต่เพื่อความสะดวกในการพาแม่ไปหาหมอ รวมทั้งเพื่อให้ทีมแพทย์แผนไทยจากคลินิกที่ไปนวดประคบ จึงยอมที่จะจ่ายค่าเช่าแพงขึ้นเพื่อย้ายลงมาอยู่ชั้น 1 ขณะที่ทีมแพทย์ที่ให้การรักษาต่างให้กำลังใจผู้ป่วยเหมือนญาติ เป็นการรักษาแบบองค์รวมถึงจิตใจ ส่งผลให้ผู้ป่วยเองมีกำลังใจที่จะสู้และสามารถเดินได้ในวันนี้” นพ.สัญชัย กล่าวและว่า ทั้งนี้ผู้ป่วยรายนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาเลยแม้แต่บริการนวดรักษา ซึ่งคลินิกได้เบิกจ่ายจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ผู้ป่วยมีสิทธิอยู่และให้รักษามาจนถึงปัจจุบัน
นพ.สัญชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตเช่นเดียวกับผู้ป่วยหญิงรายนี้เข้ารักษาจำนวนมาก โดยร้อยละ 5 ของผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นและสามารถเดินได้ ส่วนที่เดินไม่ได้นั้นเป็นการประคองเพื่อไม่ให้อาการทรุดลง ทั้งนี้ในการดูแลและรักษาผู้ป่วยสิทธิระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของคลินิกนั้น ในช่วงแรกต้องบอกว่าคลินิกประสบภาวะขาดทุนเพราะด้วยงบที่จำกัด จึงได้มีการปรับวิธีการบริหาร และเน้นการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมที่ใช้แพทย์แผนไทยควบคู่ พร้อมกับทำงานเชิงรุกในการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคแทนการตั้งรับเฉพาะในคลินิก ที่ไม่เพียงแต่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านยาลงได้ ส่งผลให้คลินิกสามารถบริหารได้จนถึงวันนี้ พร้อมกันนี้ยังได้ขยายบริการโดยจัดตั้งคลินิกในเครือข่ายเพิ่มติมอีก 2 แห่งในเขตหนองจอก
นางสมบุญ ฝึกความคิด
นางสมบุญ ฝึกความคิด อายุ 67 ปี ชาวเคหะออเงิน แขวงออกเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ ผู้ป่วยหญิงรายดังกล่าว กล่าวว่า เดิมก่อนมารักษาที่คลินิกเดินไม่ได้ ไปไหนมาไหนลูกต้องอุ้มไป หากเข้าห้องน้ำหรือที่ใกล้ๆ ก็ต้องใช้วิธีคลานจนหัวเข่าเป็นแผล เป็นแบบนี้มาร่วม 10 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยไปหาหมอ บอกว่าเป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาทและแนะนำให้ผ่าตัด แต่ตัวเองไม่อยากผ่า เคยไปรักษาที่อื่นแต่ก็ไม่ดีขึ้น และที่มารักษายังคลินิกแห่งนี้เพราะลูกชายพามา อยากให้ลองมารักษาแพทย์แผนไทยดู ด้วยวิธีฝังเข็มและนวด ไม่มีการกินยา เพียงแต่ต้องมารับการรักษาเป็นประจำและต่อเนื่อง จนขณะนี้อาการเริ่มดีขึ้น สามารถลุกขึ้นยืนและเดินได้ แต่ต้องใช้เครื่องพยุงอยู่ ทำให้มีกำลังใจในชีวิตดีขึ้น จากเดิมที่ไม่อยากอยู่และเคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย ซึ่งต้องบอกว่าคุณหมอที่นี่ให้การดูแลรักษาอย่างดี ทั้งยังคอยให้กำลังใจตลอด
“วันนี้รู้สึกดีใจที่กลับมาลุกและพอที่จะเดินได้ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย ต้องบอกว่าหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นระบบที่ดีมากและมีประโยชน์โดยเฉพาะกับคนมีรายได้น้อยอย่างตนเอง ทำให้ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นและสามารถกลับมาเดินได้” นางสมบุญ กล่าว
ด้าน นายมนตรี ฝึกความคิด ลูกชายนางสมบูญ อาชีพขายขนม ตลอดเคหะออเงิน กล่าวว่า แม่ป่วยด้วยภาวะอัมพฤกษ์เดินไม่ได้มานาน ขาของแม่ค่อยๆ ลีบลงเหมือนผู้ป่วยโปลิโอจนรู้สึกใจหาย ซึ่งได้ยินมาว่าคลินิกแห่งนี้มีรักษาแพทย์แผนไทยและรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองเลยลองพาแม่มาดู ซึ่งแม่อาการดีขึ้นอย่างที่เห็นวันนี้ หากถามว่ามั่นใจในสิทธิบัตรทองแค่ไหน ต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับคนมีรายได้น้อยอย่างเรา เพราะมารักษาตรงนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและอาการก็ดีขึ้น หากไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทองแม้ว่าค่ารักษาจะถูก แต่ด้วยที่ต้องรักษาต่อเนื่องอาจไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายได้ แต่ด้วยบัตรทองทำให้ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงการรักษาได้เหมือนกันหมด
- 1326 views