‘หมอปิยะสกล’ ชื่นชม คลองใหญ่โมเดล ใช้บ้านเป็นเตียงดูแลผู้ป่วย ลดอัตราครองเตียงใน รพ.

รมว.สธ.ตรวจเยี่ยม รพ.คลองใหญ่ จ.ตราด จัดบริการเชิงรุกพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องที่บ้าน ใช้บ้านเป็นเตียงดูแลผู้ป่วย ช่วยลดอัตราการครองเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลเหลือไม่ถึงร้อยละ 50 ผู้ป่วยและครอบครัวพึงพอใจ

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหาร ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลคลองใหญ่ จ.ตราด

นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า ชื่นชมการปฏิบัติงานของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่พัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องที่บ้าน โดยใช้บ้านเป็นเตียงดูแลผู้ป่วย (Home Ward) ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้พิการ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง รวมทั้งผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลแบบประคับประครองในระยะสุดท้าย หรือ “คลองใหญ่โมเดล” โดยมีเป้าหมายดังนี้

1.ลดโรคแทรกซ้อน เช่น ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบ ปอดบวม แผลกดทับ ข้อติด ติดเชื้อ เป็นต้น

2.ลดการเข้านอนโรงพยาบาลซ้ำ  

3.เพิ่มสุขภาวะให้ผู้ป่วยและครอบครัว พึงพอใจในระบบบริการ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาล

ทั้งนี้ โรงพยาบาลคลองใหญ่ มีจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลค่อนข้างแออัด อัตราการครองเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลมีมากกว่าร้อยละ 120 และมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำภายใน 28 วัน สูงเกือบ ร้อยละ 10 หลังจากพัฒนาระบบบริการผู้ป่วย “คลองใหญ่โมเดล” ตั้งแต่ปี 2546 สามารถลดอัตราการครองเตียงเหลือเพียงร้อยละ 48 ในปี 2559 และพบผู้ป่วยโรคเรื้อรังกลับมานอนโรงพยาบาลซ้ำ เหลือประมาณร้อยละ 3 ส่วนจำนวนผู้ป่วยนอกลดลงเกือบร้อยละ 50 ปัจจุบันมีผู้ป่วยใช้บ้านเป็นเตียงดูแล จำนวน 28 คน 

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ “คลองใหญ่โมเดล” เกิดขึ้นจากความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุข ประชาชน ทำให้เกิดเป็นนโยบายสาธารณะ ได้แก่ กองทุนตำบล มีศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะยาวบริหารจัดการเองในชุมชน กองทุนฟื้นฟู ซ่อมแซมบ้านให้เหมาะกับความพิการ มีธนาคารกายอุปกรณ์ระดับอำเภอ และศูนย์ซ่อมการอุปกรณ์ระดับจังหวัด รวมทั้งเกิดจิตอาสา ในการช่วยดูแลคนในชุมชน ที่ได้รับการพัฒนาทักษะในการดูแลผู้ป่วย เช่น การทำแผล การดูแลถุงอุจาระ การให้อาหารทางสายยาง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัคร รับ-ส่งผู้ป่วย เบิกยาแทนผู้ป่วย รวมทั้งการสร้างอาชีพให้ผู้ป่วย/ผู้พิการ เป็นต้น  นับเป็นรูปแบบการบริการที่ดีอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะได้มีการขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป