กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตรียมจัดตั้งคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยวเพิ่มอีก 8 แห่งภายในปี 2560 หลังจากเมื่อปี 2559 มีการจัดตั้งคลินิกฯ ไปแล้ว 10 แห่ง ในจังหวัดเขตเศรษฐกิจและจังหวัดท่องเที่ยว ลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายโรคติดต่อระหว่างประเทศจากการเดินทางและท่องเที่ยว

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันการเดินทางระหว่างประเทศมีมากขึ้น จากสถิติองค์การท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization) คาดว่าในปี 2563 จะมีผู้เดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 1,600 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อปี 2558 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทย 29.9 ล้านคน และคนไทยเดินทางไปต่างประเทศ 3.7 ล้านคน  

นอกจากนี้ ยังพบว่าประมาณร้อยละ 55 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศกำลังพัฒนาจะเกิดปัญหาสุขภาพ และประมาณ ร้อยละ 8 ของนักท่องเที่ยวต้องพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา ซึ่งการเดินทางระหว่างประเทศนั้น ย่อมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยและมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะสุขภาพได้

ที่ผ่านมา กรมควบคุมโรคได้พัฒนางานเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 ได้จัดตั้งคลินิกเวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว (Travel Medicine) ขึ้น จำนวน 10 แห่ง ได้แก่

1.สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี  

2.ศูนย์วัณโรคเขต 1 จ.เชียงใหม่ 

3.รพ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 

4.ศูนย์หาดใหญ่นวรัตน์ จ.สงขลา 

5.รพ.หนองคาย 

6.รพร.เชียงของ จ.เชียงราย

7.รพ.นครพนม  

8.รพ.มุกดาหาร  

9.สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กทม.

10.รพ.เบตง จ.ยะลา

ส่วนในปี 2560 มีเป้าหมายจัดตั้งคลินิกเพิ่มขึ้นอีก 8 แห่ง ในจังหวัดตาก กาญจนบุรี ตราด สระแก้ว นราธิวาส ชลบุรี(พัทยา) สุราษฎร์ธานี (รพ.เอกชนในเกาะสมุย) และภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดเขตเศรษฐกิจและจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อให้คำแนะนำตรวจดูแลรักษาแก่นักเดินทางท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ทั้งการตรวจสุขภาพ ตรวจคัดกรอง ให้วัคซีน เตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง ขณะเดินทาง ตลอดจนให้การตรวจดูแลรักษาโรคที่อาจได้รับระหว่างเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างครอบคลุม