กลุ่มเยาวชนยื่น ศธ.คัดค้านองค์กรหน้าฉากธุรกิจเหล้านอก จับมือ สพฐ.จัดกิจกรรมสร้างทัศนคติการดื่มให้เด็กเยาวชนในสถานศึกษา จี้ ศธ.อย่าหลงกลตกเป็นเหยื่อพ่อค้าน้ำเมา ด้านปลัด ศธ.กำชับกิจกรรมต้องไม่มีอะไรแอบแฝง
เมื่อวันที่ 29สิงหาคม 2559 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ พร้อมด้วย เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา และกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จากหลายสถาบันกว่า 30 คน เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผ่านทาง รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อคัดค้านกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ข้ามชาติ จัดกิจกรรมเข้าหาเด็กเยาวชนในโรงเรียนกว่า 40 แห่ง
นายธีรภัทร์ กล่าวว่า เครือข่ายฯ ทราบว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แถลงข่าว “เปิดตัวโครงการ Smashed วัยใสไกลแอลกอฮอล์” ร่วมกับมูลนิธิแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเข้าและจำหน่ายสุราต่างชาติรายใหญ่ในไทยอยู่เบื้องหลัง โดยอ้างว่าโครงการนี้ช่วยยับยั้งวัฒนธรรมการดื่มสุราของเยาวชนได้ ตั้งเป้าจะเริ่มในโรงเรียน 40 แห่งพื้นที่ กทม. ซึ่งเครือข่ายฯ มีข้อกังวลและมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม จึงขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้
1. ขอคัดค้านการเข้ามาจัดกิจกรรมในสถานศึกษาของมูลนิธิแก้ไขปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ข้ามชาติ บริษัทดิอาจิโอฯ อยู่เบื้องหลัง โดยอ้างการให้ความรู้ผลกระทบจากการดื่ม การดื่มอย่างรับผิดชอบมาบังหน้า แต่แฝงด้วยการสร้างความคุ้นชินและรู้สึกดีกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้มองว่าการดื่มเป็นเรื่องปกติเมื่อโตขึ้น มุ่งสู่การเป็นนักดื่มในอนาคต ยากที่เด็กนักเรียนจะเท่าทัน
2. ขอให้กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายที่ชัดเจน ไม่สนับสนุนให้สถานศึกษาต่างๆ ร่วมกิจกรรมกับอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในทุกรูปแบบ รวมไปถึงองค์กรหน้าฉากที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
3. ขอเรียกร้องให้นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์และผู้บริหารสถานศึกษา แสดงจุดยืนต่อต้านอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงองค์กรหน้าฉากที่มุ่งทำกิจกรรมกับเด็กและเยาวชนทุกรูปแบบ
และ 4.ขอให้บริษัทดิอาจิโอฯ ตลอดจนอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทุกราย หยุดการทำกิจกรรมที่มุ่งเข้าหาเด็กและเยาวชนโดยสิ้นเชิง และขอให้แสดงความรับผิดชอบสังคมด้วยการปฏิบัติตามกฎหมาย หยุดแทรกแซงนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย ถ้าจะรับผิดชอบต่อสังคม ให้ไปดูแลครอบครัวของเหยื่อจากน้ำเมา ที่ตายปีละกว่า 2.6 หมื่นคน และพิการอีกมากมาย ซึ่งธุรกิจน้ำเมา ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบมาก่อนเลย แถมยังโยนความผิดให้ลูกค้าตนเองว่าดื่มอย่างไม่รับผิดชอบ
นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งไทยและต่างประเทศต่างพยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัทและตัวผลิตภัณฑ์ของตนเองทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งกิจกรรมที่ทำผ่านองค์กรหน้าฉากที่จัดตั้งขึ้นอาทิมูลนิธิแก้ไขปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นต้นด้วยกิจกรรมหลากหลายรูปแบบและอ้างว่าคือความรับผิดชอบต่อสังคม แม้กิจกรรมต่างๆจะสอดแทรกถึงพิษภัยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่บ้าง แต่นั่นเป็นเพียงเปลือกนอกที่ฉาบเอาไว้
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือปลูกฝังแนวคิดให้เด็กและเยาวชนมองว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องปกติเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าธรรมดาเฉกเช่นสินค้าอื่นที่มีขายตามท้องตลาด โตแล้วใครๆ ก็ดื่มกัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือตัวผู้ดื่มที่ไม่รู้จักประมาณตน ความผิดเกิดจากผู้ดื่ม ซึ่งแนวคิดนี้เป็นความจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่เลี่ยงที่จะกล่าวถึงปัจจัยสำคัญคือ ตัวผู้ผลิตผู้ขาย มาตรการทางภาษี การจำกัดการเข้าถึง ตลอดจนการควบคุมกิจกรรมทางการตลาด
ซึ่งทั้งหมดนี้มีงานวิจัยรองรับและพิสูจน์มาแล้วทั่วโลกว่า เป็นมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ได้ผล สวนทางกับสิ่งที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และองค์กรหน้าฉากพยายามบอกเด็กและเยาวชนอย่างสิ้นเชิง
“ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนประมาณ17 ล้านคน เป็นนักดื่มเยาวชนถึง 2.5 ล้านคน ในส่วนที่ดื่มหนักแบบหัวราน้ำมีจำนวนเพิ่มขึ้น และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ทุกปีจะมีนักดื่มหน้าใหม่ที่เข้าสู่วงจรนี้ปีละกว่า 250,000 คน เด็กและเยาวชนในสถานพินิจร้อยละ 40.8 ก่อคดีหลังจากการดื่ม สาเหตุสำคัญของการเกิดนักดื่มหน้าใหม่ประการหนึ่งคือ การทำการตลาดทั้งทางตรงและทางอ้อมของกลุ่มธุรกิจเหล่านี้นั่นเอง ที่ทำให้รู้สึกว่าแอลกอฮอล์เป็นสินค้าธรรมดาที่ไม่มีพิษภัย ซึ่งตรงข้ามกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ศธ.ต้องเท่าทัน อย่าหลงกล เพราะจะตกเป็นเครื่องมือของพ่อค้า ขอยืนยันว่าองค์กรเหล่านี้หวังปลูกฝังทัศนคติการดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็ก และเยาวชนแบบหยั่งรากลึก” นายธีรภัทร์ กล่าว
ขณะที่ รศ.นพ.กำจร กล่าวภายหลังจากรับหนังสือว่า การห้ามไม่ให้บริษัทดังกล่าวเข้ามาจัดกิจกรรมกับโรงเรียนคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากทั้งนี้คงต้องกำชับไปยังโรงเรียน ให้เข้มงวดตรวจสอบรูปแบบของกิจกรรมว่ามีอะไรแอบแฝงหรือไม่
- 18 views