กระทรวงสาธารณสุข ประชุมเตรียมความพร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อทบทวนระบบการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 หลังพบมีการแพร่ระบาดในประเทศเอเชีย ในเดือนพฤษภาคม 2558 โดยเน้นความเข้มแข็ง 3 ระบบสำคัญ คือ การเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง และมีไข้ ไอ เจ็บคอ การตรวจวินิจฉัยเชื้อให้ได้เร็ว และการป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะในคลินิก โรงพยาบาลรัฐและเอกชน
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข ประกอบด้วย รพ.รามาธิบดี รพ.กลาง กทม.รพ.เอกชน รพ.ศิริราช กรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ กระทรวงกลาโหม เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ 2012 หลังจากที่มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ในประเทศเอเชีย 2 ประเทศ
นพ.โสภณ กล่าวว่า ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคติดตามสถานการณ์การระบาดที่เกาหลีใต้และจีนอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้เตรียมความพร้อมระบบอย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลาง และมีอาการป่วยโรคทางเดินหายใจ 2.การตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถตรวจจับโรคที่อาจแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศได้โดยเร็ว และ3.การดูแลรักษาในโรงพยาบาลทั้งรัฐเอกชน
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมในวันนี้ได้เน้นการเตรียมการความพร้อมใน 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.การประเมินความเสี่ยง โดยติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศ และประสานงานองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด 2.การเฝ้าระวังประชาชนกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่มที่เดินทางเข้าออกกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ได้แก่ กลุ่มที่เดินทางไปประกอบศาสนกิจ ไปท่องเที่ยว ทำงาน ศึกษา และชาวตะวันออกกลางที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จะต้องมีระบบการติดตามเฝ้าระวัง การให้ความรู้ คำแนะนำ โดยจะติดตามเฝ้าระวังผู้เดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลางเป็นเวลา 14 วัน 3.การเตรียมความพร้อมการดูแลรักษาของโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งหากมีผู้ป่วยที่มีอาการในข่ายสงสัย จะต้องให้การดูแลให้ห้องแยกเฉพาะ และมีระบบการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัดตามมาตรฐานสากล 4.ความพร้อมการตรวจวินิจฉัยยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการเพื่อรู้เชื้อได้อย่างรวดเร็ว และ5.การสื่อสารประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจประชาชน ไม่ให้เกิดความตระหนก และให้ความร่วมมือการป้องกันควบคุมโรคได้ผลดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปตะวันออกกลาง ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข งดการสัมผัสกับอูฐหรือดื่มนมอูฐดิบ ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ และหากเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว ภายใน 14 วัน หากมีอาการป่วย คือ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ให้ใส่หน้ากากอนามัยและขอให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านและแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศ ให้แพทย์ทราบด้วย เนื่องจากแหล่งแพร่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2012 นี้ ยังอยู่ในประเทศตะวันออกกลางเป็นหลัก เชื้อชนิดนี้อยู่ในตระกูลเดียวกับโรคซาร์ส เริ่มพบในคนครั้งแรกเมื่อปี 2555 โรคนี้ติดต่อกันได้ 3 ทางคือ การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยตรง ติดผ่านการไอจาม และมือที่สัมผัสของใช้ของผู้ป่วย ประชาชนโทรปรึกษาหรือสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
- 3 views