หมอฟันโอดเหมือน “แพทย์ชั้น 2 ในระบบรัฐ” อยู่ไปไม่มีโอกาสโต

‘ทพ.สมชาย’ แจงหลังยื่นหนังสือถึง สปช.ขอให้ลดเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพ แพทย์และทันตพแพทย์ ชี้โอกาสก้าวหน้าในสายราชการต่างกัน ทั้งที่เรียนมา 6 ปี มี 10 สาขา แต่เหมือนแพทย์ชั้น 2 แพทย์ขึ้นผู้เชี่ยวชาญได้หมด แต่ทันตแพทย์จะขึ้นได้ ต้องยุบตำแหน่งล่าง เพื่อรวมเงินมาจ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญ เสนอ สธ.เปิดโอกาสวิชาชีพอื่นขึ้นเป็นผู้บริหารได้ ไม่ใช่ผูกขาดแค่แพทย์ ส่งผลทันตแพทย์ไหลออกจากระบบ เหตุถูกบล็อกไม่ให้ก้าวหน้า ระบุ หมอบริหารเก่งก็มี ไม่เก่งก็เยอะ เห็นได้จากหลาย รพ.ขาดทุน

ทพ.สมชาย กิจสนาโยธิน เครือข่ายทันตแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อใช้โอกาสในวาระการปฏิรูปรอบนี้ ผลักดันกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพแพทย์และทันตแพทย์ เนื่องจากปัจจุบันนี้โอกาสในการก้าวหน้าในวิชาชีพแตกต่างกัน ทั้งๆ ที่เรียนมา 6 ปีเท่ากัน ทำงานหนักเหมือนกัน วิชาชีพทันตแพทย์มี 10 สาขา บางสาขาก็ต้องเข้าเวร 24 ชั่วโมงแบบเดียวกับแพทย์ การทำงานก็ไม่ได้มีแค่ถอนฟันอุดฟัน แต่มีการผ่าตัดศัลยกรรมช่องปาก การรักษาที่ซับซ้อน แต่ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นแพทย์ชั้น 2

ทพ.สมชาย กล่าวว่า สำหรับข้อเรียกร้องที่เสนอ สปช. นั้น มี 2 เรื่องหลัก คือ 1.การกำหนดตำแหน่งขึ้นเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ในส่วนของแพทย์สามารถทะลุขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญได้หมด แต่หากทันตแพทย์จะขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญ จะต้องยุบตำแหน่งระดับล่างก่อน เพื่อรวมเงินมาจ่ายให้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นความเหลื่อมล้ำมาก ประเด็นนี้เคยเสนอไปยัง สธ. และ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไปนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจแก้ไขปัญหา

2.เปิดโอกาสให้วิชาชีพอื่นๆ ขึ้นเป็นผู้บริหารได้ โดยให้เป็นเหมือนวิชาชีพครู ที่หากต้องการเติบโตในสายบริหาร ก็ต้องไปเรียนสายบริหารมาก่อน ไม่ใช่มีแต่แพทย์เป็นผู้บริหารอย่างเดียวเช่นทุกวันนี้ อยากให้ สธ.ปรับเปลี่ยน เพราะหมอบริหารเก่งก็มี แต่บริหารไม่เก่งก็เยอะ เห็นได้จากหลายโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาขาดทุน

“เราก็เป็นแพทย์เหมือนกัน แต่โดนบล็อกไม่ให้ก้าวหน้า” ทพ.สมชาย กล่าว

ทพ.สมชาย กล่าวอีกว่า ปัญหาข้างต้น ทำให้เกิดปัญหาทันตแพทย์ไหลออกจากระบบอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ครึกโครมเท่าวิชาชีพแพทย์ ทุกวันนี้หากสังเกต จะพบว่าไม่ค่อยมีทันตแพทย์ในระบบของรัฐ เพราะทันตแพทย์ลาออกไปทำงานภาคเอกชนจำนวนมาก เนื่องจากมีค่าตอบแทนที่ดีกว่า

“ถ้าเป็นข้าราชการได้เงินเดือน 2-3 หมื่น แต่ถ้าไปอยู่ภาคเอกชนในเมืองมีรายได้เดือนละ 1 แสนบาทขึ้นไป ทำไมเป็นแบบนี้ ก็เพราะคุณไปบล็อกเขาไม่ให้ก้าวหน้า คนอยู่ในภาครัฐเห็นเพื่อนทำงานในเมืองรายได้เป็นแสน แต่ตัวเองอยู่ไปก็ไม่โต เต็มที่ก็ซี 8 แล้วเขาจะอยู่ไปทำไม” ทพ.สมชาย กล่าว