กรมการแพทย์เผยปัญหาสุขภาพผู้สูงวัย “โรคข้อเข่าเสื่อม” ชี้พบร้อยละ 10 ในผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ชี้ปัจจัยเสี่ยงเกิดจากอายุ น้ำหนัก โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การได้รับบาดเจ็บของข้อ และการออกกำลังกายประเภทที่มีการกระแทกรุนแรงและซ้ำๆ ที่ข้อต่อ พร้อมแนะควบคุมน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ คุกเข่า ขัดสมาธิ หรือนั่งยองๆ และควรบริหารข้อเข่าด้วยการปั่นจักรยานหรือการออกกำลังกายในน้ำ
นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคข้อที่เกิดจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนข้อต่อ การเปลี่ยนแปลงเกิดจากกระบวนการเสื่อมที่ไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมและอาจทวีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ เป็นต้นเหตุให้เกิดภาวะทุพพลภาพในผู้หญิงสูงอายุเป็นอันดับต้นๆ โดยพบได้ประมาณร้อยละ 10 ของประชากรที่มีอายุเกิน 55 ปีขึ้นไป ซึ่งปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ อายุที่มากขึ้นจะทำให้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้น ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ทำให้การรับส่งแรงของข้อเข่าเปลี่ยนแปลงไป ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ ผลจากเยื่อบุข้ออักเสบทำให้เกิดการทำลายโครงสร้างของกระดูกอ่อน เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ผู้ที่มีน้ำหนักมากจะทำให้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น ผู้ที่มีการใช้งานข้อเข่ามากเกินไป ทำให้แนวเข่าโก่งงอกว่าปกติ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บของข้อ และผู้ที่ออกกำลังกายประเภทที่มีความเสี่ยง เช่น มีการกระแทกรุนแรงและซ้ำๆ ที่ข้อต่อ รวมถึงพันธุกรรมหากพบว่าบุคคลในครอบครัวเป็นข้อเข่าเสื่อมจะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป
สำหรับอาการของโรคเริ่มจากมีอาการปวดบริเวณข้อเข่า เป็นๆ หายๆ เมื่อพักการใช้เข่าอาการปวดจะทุเลาลงและจะปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานของข้อเข่าเพิ่มมากขึ้น หรือปวดตอนกลางคืนร่วมด้วย ในบางรายที่เป็นมากจะมีอาการปวดตลอดเวลาบริเวณข้อเข่าจะฝืดและติดขัดในขณะที่ใช้งาน ข้อเข่ามีลักษณะผิดรูปไปจากปกติ เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม เข่าบวมโต หรือขาอาจโก่งงอ และอาจมีเสียงกรอบแกรบขณะเคลื่อนไหว
แนวทางการดูแลรักษาการวางแผนการรักษาขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละราย ความรุนแรงของอาการข้อเข่าเสื่อม และโรคประจำตัวของผู้ป่วย ได้แก่ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคกระเพาะอาหาร โรคไต โดยมีแนวทางในการรักษา คือ 1.การรักษาโดยไม่ใช้ยา ได้แก่ การให้ความรู้เรื่องข้อเข่าเสื่อม เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และความเจ็บปวด การออกกำลังและการบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า การใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยต่างๆ เช่น การใช้ไม้เท้า การเสริมรองเท้าเป็นลิ่มด้านนอก การใช้สนับเข่า เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงของข้อเข่า รวมทั้งช่วยลดอาการปวดข้อเข่า การลดน้ำหนัก เพื่อลดความเจ็บปวดและเพิ่มการใช้งานของเข่าในผู้สูงอายุ การใช้วิธีการอื่นๆได้แก่ เลเซอร์ การฝังเข็ม การใช้ความร้อน การใช้สนามแม่เหล็ก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแพทย์เฉพาะทางเป็นผู้พิจารณาการรักษา 2.การรักษาโดยยา แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาให้ยารับประทานตามอาการของโรค รวมถึงการใช้ยาทาเฉพาะประเภท 3.การรักษาแบบผ่าตัด แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดข้อเข่าเทียมทั้งข้อ เฉพาะผู้ที่โรคข้อเข่าเสื่อมรุนแรง และข้อเข่าผิดรูปที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ สำหรับการป้องกันการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม คือ ควบคุมและลดน้ำหนักตัว หลีกเลี่ยงอิริยาบถที่ต้องงอเข่ามากๆ เช่น การนั่งพับเพียบ คุกเข่า ขัดสมาธิ หรือนั่งยองๆ เนื่องจากจะเพิ่มแรงอัดภายในข้อเข่าและจะมีผลต่อกระดูกอ่อนข้อเข่า ไม่ควรใช้สุขาแบบส้วมซึมที่ต้องนั่งยอง ไม่ควรขึ้นลงบันไดโดยไม่จำเป็น และควรบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อบริเวณรอบเข่า เช่น การเดินช้าๆ การปั่นจักรยาน หรือการออกกำลังกายในน้ำซึ่งจะดีมากสำหรับผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม หากปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นจะสามารถหลีกเลี่ยงหรือลดการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้น
- 121 views