สธ.เผยประชาชนควรเลือกดื่มชาเขียวรสไม่หวานจัดเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้ร่างกายได้รับมากเกินไป

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้นิยมบริโภคชาเขียวกันเพิ่มมากขึ้น โดยวิธีการปรุงแต่งรสเครื่องดื่มชาเขียวมีหลายวิธี และหลากหลายรูปแบบ อาทิ ชาเขียวรสธรรมชาติที่ชงด้วยวิธีดั้งเดิม โดยตักใบชาใส่กาแล้วเติมน้ำร้อน ไม่มีการปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลหรือนม อาจจะดื่มร้อนหรือเย็นก็ได้ ชาเขียวปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลหรือสารให้ความหวานชนิดต่างๆ เพื่อให้ชาเขียวมีรสชาติหวานขึ้น แต่เพราะชาเขียวมีสารแทนนิน ทำให้มีรสเฝื่อนๆ ซึ่งการใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานจะทำให้ชาเขียวมีรสชาติหอมหวานมากกว่าเดิม ทำให้ผู้บริโภคหันมาดื่มชาเขียวเพื่อดับกระหายกันมากยิ่งขึ้น และชาเขียวปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลและนม รวมทั้งอาจจะมีการเติมครีมเทียม เพื่อให้เครื่องดื่มชาเขียวมีรสชาติหอมหวาน มันมากยิ่งขึ้น

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวต่อว่า การดื่มชาเขียวมีทั้งคุณและโทษต่อร่างกายขึ้นอยู่กับวิธีการเลือกดื่มชนิดของ ชาเขียว ถ้าดื่มเครื่องดื่มชาเขียวที่ปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลหรือสารให้ความหวานชนิดต่างๆและนมหรือผลิตภัณฑ์นมมากเกินไป ร่างกายจะได้รับน้ำตาลมากเกินความจำเป็นของร่างกาย ดังนั้นหากต้องการดื่มเครื่องดื่มชาเขียวเพื่อให้ร่างกายสดชื่น ควรเลือกดื่มแบบรสธรรมชาติจะดีกว่า หากดื่มแบบปรุงแต่งรสควรจำกัดปริมาณ และควบคุมการบริโภคอาหารที่มีรสหวานต่างๆให้ปริมาณน้อยลงด้วย และควรจำไว้ว่าในแต่ละวันไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน หรือ 24 กรัม จะส่งผลดีต่อสุขภาพ

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ชาเขียวประกอบไปด้วยสารอาหารอาหารต่างๆ ที่มีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรค อาทิ วิตามิน A ให้สารแคโรทีน ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ วิตามิน B1ให้สารไทอามีน ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้มีความสดชื่น วิตามิน B2 ให้สารไรโบฟลาวีน ช่วยให้ผิวพรรรณสดชื่น ป้องกันผิวเหี่ยวย่นและป้องกันเชื้อโรคได้อย่างดี วิตามิน B3 ให้สารไนอาซีน ช่วยในการสร้างฮอร์โมนหลายชนิด และช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดซึ่งช่วยควบคุมเบาหวาน วิตามิน C สร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นสารที่ยึดเหนี่ยวเซลล์ วิตามิน E ให้สารโทโคเฟอรอล ช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระในไขมัน กรดอะมิให้สารทีอานีน กระตุ้นสมองให้สร้างคลื่นอัลฟาซึ่งเป็นสภาวะที่ผ่อนคลายแต่มีสติ จะสร้างความสงบให้ร่างกายโดยไม่เกิดอาการง่วง

"ทั้งนี้ การดื่มชาเขียวให้ได้คุณค่าทางโภชนาการ ควรดื่มชาเขียวรสธรรมชาติ ชงสดๆ ใหม่ ไม่ปรุงแต่งรสด้วยน้ำตาลหรือสารให้ความหวานชนิดต่างๆ และนม แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณใบชาที่ใช้ชง หรือความเข้มข้นในการชงแต่ละครั้ง ส่วนการเลือกซื้อเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่มที่ขายตามร้านสะดวกซื้อมาบริโภค ควรใส่ใจสุขภาพ ด้วยการอ่านข้อมูลโภชนาการที่ข้างขวด ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มชาเขียวที่มีปริมาณคาเฟอีนและน้ำตาลเกินมาตรฐาน และถ้าเลือกซื้อตามรถเข็นหรือร้านจำหน่ายทั่วไป ควรลดน้ำตาลให้น้อยลงด้วย” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว