WHO ชี้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าช่วยสร้างความเป็นธรรม

ผอ.องค์การอนามัยโลกประจำอาเซียนปาฐกถางานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เผยการดูแลสุขภาพต้องถ้วนหน้าและเข้าถึงได้ แจงหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าสนับสนุนการสร้างความเป็นธรรม และจะต้องเป็นมากกว่าคำสัญญา แต่ต้องมีรูปธรรมด้วย 

24 ธ.ค.57 เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า ที่ ศูนย์การประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ปูนาม เกตระปาล ซิงห์ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปาฐกถาพิเศษในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ โดยระบุว่า “สุขภาพ” จะเป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในวาระใหม่ที่จะเกิดขึ้น และการดูแลสุขภาพทั่วหน้า ‘ต้องทั่วถึง เข้าถึงได้ และในราคาที่จ่ายได้’ เป็นหนึ่งในรายงานของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เพื่อสร้างวาระแห่งสหัสวรรษนี้ด้วย ซึ่งหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะเป็นตัวสนับสนุนการสร้างความเป็นธรรม และระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจะต้องเป็นมากกว่ายาหอมหรือคำสัญญาอย่างเดียว แต่ต้องมีอะไรออกมาเป็นรูปธรรมด้วย

“ภูมิภาคอาเซียนนั้นแม้จะมีความหลากหลายและมีพลวัตสูง แต่ก็ยังมีปัญหาท้าทายอีกหลายเรื่อง อาทิ โรคไม่ติดต่อที่โจมตีเราอย่างไม่หยุดยั้ง ปัญหาเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ ซึ่งหากไม่สามารถหยุดยั้งได้ในเวลาอันสั้น เราก็จะย้อนเข้าสู่สภาวะเหมือนสมัยที่เราไม่มีเครื่องมือต่อสู้กับเชื้อโรค ขณะที่ประเด็นความเป็นธรรมด้านสุขภาพ ก็เป็นสิ่งประชาชนคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสุขภาพกลายเป็นเรื่องสิทธิที่ทุกคนพึงได้รับ ภูมิภาคนี้ยังมีปัญหาในเรื่องภัยพิบัติ ทั้งภัยที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์และภัยธรรมชาติด้วย” ปูนามกล่าว

นอกจากนี้ ปูนามยังกล่าวถึงการระบาดของโรคอีโบลา ซึ่งในขณะนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว กว่า 6,000 ราย ซึ่งสะท้อนชัดว่า ไม่มีประเทศใดที่ปลอดภัยจากโรคติดต่อได้ และยังไม่มีประเทศใดสามารถรับมือกับโรคอย่างมีประสิทธิผลได้ตามลำพัง แม้จะมีความช่วยเหลือจากภายนอก แต่หากประเทศนั้นยังไม่มีระบบและโครงสร้างพื้นฐานสุขภาพ โลกจึงไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของการมีระบบสุขภาพที่เข้มแข็งต่อไปแล้ว หากไม่มีพื้นฐานด้านสุขภาพ สังคมก็มีความเสี่ยงที่จะล่มสลาย

ด้านนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเกิดขึ้นของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ทำให้เห็นชัดว่าสังคมสามารถขับเคลื่อนได้จากฐานรากร่วมมือกันทำงานด้านวิชาการ แลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยเหตุและผล จนได้ฉันทามติของทุกคนเพื่อให้เป็นนโยบายระดับชาติ โดยการจัดงานในครั้งนี้ ยังตรงกับนโยบายด้านสังคมของรัฐบาลปัจจุบัน 3 ประการหลัก คือ ลดเหลื่อมล้ำ ค้ำจุนกัน สร้างสรรค์รากหญ้า

"ลดเหลื่อมล้ำ คือ การพยายามให้คนไทยได้ลืมตาอ้าปากเท่าเทียมกันมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ค้ำจุนกัน คือ หากบางคนไม่สามารถยืนขึ้นมาได้ เราต้องค้ำจุนให้เขาสามารถเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมให้ได้ สร้างสรรค์รากหญ้า คือ พวกท่านในที่นี้ที่ได้รับการสร้างสรรค์และมีควมสร้างสรรค์ ซึ่งจะลงลึกไปในทุกภาคส่วนตามแบบที่รัฐบาลใฝ่ฝัน" นายยงยุทธกล่าว

สำหรับ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปีนี้ มีวาระ 6 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1.นโยบายการจัดการกลไกคุ้มครองเด็กและครอบครัว 2.การจดการสเตียรอยด์ที่คุกคามสุขภาพคนไทย 3.การพัฒนากระบวนการประเมินและตัดสินใจการใช้เทคโนโลยีด้านสุขภาพ 4.การกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ในตับและมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชน 5.การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพโลกของประเทศไทย และ 6.ทบทวนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ การป้องกันผลดระทบต่อสุขภาวะสังคมจากการค้าเสรีระหว่างประเทศ