มติบอร์ดสปสช.ปรับเกณฑ์ให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีกับผู้ติดเชื้อทันที ไม่จำกัดว่ามีค่า CD4 ในระดับใด เริ่ม 1 ต.ค.57 เป็นต้นไป เผยปี 58 สปสช.ได้รับงบกองทุนเอดส์ 2,811 ล้านบาท สำหรับดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ สิทธิประโยชน์ครอบคลุม การให้ยาต้านไวรัส ทั้งสูตรพื้นฐาน สูตรดื้อยา ป้องกันติดเชื้อในทารกแรกเกิด ติดเชื้อภายหลังสัมผัส การตรวจเลือดและการป้องกัน เผยมีผู้ลงทะเบียน 3 แสนราย ในจำนวนนี้ได้รับยาต้านไวรัส 1.7 แสนราย

30 พ.ย.57 นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า สปสช.มีภารกิจการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีงบประมาณแยกจากงบเหมาจ่ายรายหัว ซึ่งในปี 2558 ได้รับงบประมาณ 2,811.901 ล้านบาท (น้อยกว่าปี 2557 ที่ได้รับ 2,946.997 ล้านบาท 135 ล้านบาท) แบ่งเป็น งบดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัสและบริการที่เกี่ยวข้อง 2,769.401 ล้านบาท และงบสนับสนุนส่งเสริมการจัดบริการสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ 42.5 ล้านบาท ซึ่งจะจัดสรรลงสถานพยาบาลเพื่อชดเชยค่าบริการดูแลผู้ป่วยตามปริมาณงาน และอีกส่วนหนึ่งสำหรับสนับสนุนการจัดบริการเพื่อเพิ่มศักยภาพของสถานพยาบาลทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ ซึ่งผลการดำเนินงานในล่าสุดนั้น ผู้ลงทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 300,599 คน ในจำนวนนี้เป็นรายใหม่ 5,798 คน และได้รับยาต้านไวรัส 177,862 คน แบ่งเป็นยาต้านไวรัสสูตรพื้นฐาน 155,801 คน และยาต้านไวรัสสูตรดื้อยา 22,049 คน มีผู้รับบริการให้คำปรึกษาเพื่อตรวจเลือดโดยสมัครใจ 305,033 ครั้ง ได้รับการตรวจเลือด 262,468 ครั้ง พบผลเลือดบวก 7,703 คน หรือร้อยละ 2.94 ของการตรวจเลือด มีผู้ป่วยได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่ การตรวจปริมาณไวรัสในกระแสเลือด 138,528 ครั้ง และการตรวจเชื้อไวรัสดื้อยา 4,202 คน

นพ.วินัย กล่าวว่า ขณะที่ชุดสิทธิประโยชน์การดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.การให้ยาต้านไวรัสและยาอื่น กรณีการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเออาร์ที ซึ่งในประเด็นการให้ยาต้านไวรัสนี้ ตามที่ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สธ.ได้ให้นโยบายให้ดูแลผู้ป่วยเอดส์ให้มีความครอบคลุม ด้วยคุณภาพและมาตรฐาน บอร์ดสปสช. ได้ปรับหลักเกณฑ์ โดยจะให้ยาต้านไวรัสกับผู้ที่พบการติดเชื้อเอชไอวีทันที ไม่จำกัดว่าจะมีค่าซีดีโฟอยู่ในระดับใด เป็นการให้การรักษาโดยทันที เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.57 เป็นต้นไป การให้ยาต้านไวรัสเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในทารกแรกเกิด การให้ยาต้านเอชไอวีเพื่อป้องกันการติดเชื้อภายหลังสัมผัสใน 2 กรณี คือ การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังสัมผัสจากการทำงาน และหลังสัมผัสจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ การรักษาภาวะไขมันในเลือดสูงที่เป็นผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส

2.การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อติดตามการรักษา ทั้งการตรวจระดับภูมิคุ้มกัน(CD4) การตรวจปริมาณไวรัสในกระแสเลือด และการตรวจเชื้อไวรัสดื้อยา

3.การให้คำปรึกษาและการตรวจเลือดแบบสมัครใจ

4.การป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี

เลขาธิการสปสช. กล่าวต่อว่า สิทธิประโยชน์นี้ครอบคลุมผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยสามารถลงทะเบียนเข้ารับบริการได้จากสถานพยาบาลประจำที่ขึ้นทะเบียนไว้ หรือหากมีความจำเป็นก็สามารถเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลอื่นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งสปสช.จะจ่ายชดเชยบริการตามสิทธิประโยชน์และอัตราที่กำหนดไว้ ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนสปสช. โทร.1330