ปมปลดหมอสุวัชพ้นอภ. ไม่จบ หมออำพล หนึ่งในบอร์ดอภ. และกรรมการสรรหาผอ.อภ.คนใหม่ โพสต์ Facebook เดือด ซัดสื่อมโนไปเอง หลังเขียนบทความวิเคราะห์การปลดหมอสุวัชเชื่อมโยงกับกระแสความขัดแย้งในสธ. แจงยิบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองในสธ. ตัดสินตรงประสิทธิภาพของการทำงาน ชี้ วิเคราะห์ให้ร้าย มโนไปเอง ไม่มีความรับผิดชอบ  ย้ำสื่อที่ดีต้องสร้างสรรค์

งานนี้ไม่จบแม้บอร์ดองค์การเภสัชกรรม(อภ.) จะมีมติเลิกจ้าง นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ออกจากผู้อำนวยการอภ.ไปแล้ว โดยให้เหตุผลว่า การเลิกจ้างก่อนสัญญาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานในองค์กร ส่วนปัญหาความขัดแย้งก็เป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นต้องได้ผู้บริหารที่มีความสามารถจัดการได้

เมื่อรับคำตอบเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะมีการเชื่อมโยงว่า การเลิกจ้างนพ.สุวัช เป็นเพราะคนละขั้วการเมืองปัจจุบันหรือไม่ เนื่องจาก นพ.สุวัช มาแทน นพ.วิทิต อรรถเวชกุล สมัยเป็นผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม แต่ถูกปัญหาวัตถุดิบยาพาราเซตตามอล และไม่สามารถเดินหน้าโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้สำเร็จ แม้โรงงานดังกล่าวจะมีปัญหามาแต่เก่าก่อนก็ตาม

ที่สำคัญมีการเชื่อมโยงว่า การเลิกจ้างครั้งนี้มาจากแรงกดดันจาก 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ  ได้แก่ ชมรมแพทย์ชนบท ชมรมเภสัชชนบท กลุ่มศึกษาปัญหายา กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีประเทศไทย สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา และมูลนิธิเภสัชชนบท ออกมาโจมตีและร้องเรียนบอร์ด อภ.ให้พิจารณาการทำงานของนพ.สุวัช ถึงปัญหายาต้านไวรัสเอชไอวีขาดแคลน แต่ที่น่าสังเกตคือ มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นเพราะขั้วการเมืองเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากนพ.สุวัช มาในสมัยของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ เป็นปลัดสธ. และมี นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เป็นประธานบอร์ด อภ.ในสมัยนั้น ก่อนจะมีการสรรหาบอร์ด อภ.ชุดใหม่ ณ ปัจจุบัน

ล่าสุด หนึ่งในบอร์ด อภ. คือ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) และบอร์ด อภ. โพสต์เฟซบุคส่วนตัว ประกาศลั่น ต่อว่า นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันที่ 28 ต.ค.57 ที่เขียนรายงานพิเศษเรื่อง “สมรภูมิองค์การเภสัชเชือด 'หมอสุวัช' วัดกำลังปลัดณรงค์” โดยมีเนื้อหาเชื่อมโยงว่า นพ.อำพล, นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัด สธ. และ นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)ทั้งหมด ไม่อาจสลัดภาพออกจากทีมที่ปรึกษารมว.สธ. ได้

ถ้อยคำที่นพ.อำพล ชี้แจงในเฟซส่วนตัวนั้น ต้องถือว่าดุเดือดและรุนแรงทีเดียว นพ.อำพลขึ้นต้นว่า สื่อที่ดีควรสร้างสรรค์ ทั้งระบุว่า การเชื่อมโยงการทำงานของบอร์ด อภ.ว่า เป็นประเด็นการเมืองถือเป็นการดูถูกดูแคลน

“เศร้าที่เห็นสื่อมวลชนเสนอข่าวแบบไม่รับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ วิเคราะห์ในแง่ร้าย ไม่ให้เกียรติผู้อื่น และบอกว่า คำถามคือ คุณวิเคราะห์และเขียนอย่างนี้ได้อย่างไร ? คุณมโนไปเองไช่ไหม ? คุณรู้ไหมว่าคุณดูแคลนคนอื่น คุณมีสำนึกการเคารพในคุณค่าศักดิ์ศรีของคนอื่นหรือไม่ ? คุณมีความรับผิดชอบหรือไม่ ? หรือเขียนให้สนุกเร้าใจ เอาทุกเรื่องไปปนกันให้เป็นความขัดแย้งไปเสียหมด คุณเขียนลากเอาคนอื่นและเอาเรื่องนี้ไปปนกับเรื่องความขัดแย้งในกสธ.ได้อย่างไร ทำไมคุณไม่ใส่ใจในเนื้อหาของเรื่องครับ คุณกำลังดูถูกดูแคลนกรรมการองค์การทั้งหมดว่าเขาตัดสินใจอะไรไปตามความขัดแย้งของขั้วนั้นขั้วนี้ หรือตามการชี้นำของคนนั้นคนนี้อยู่หรือไม่ครับ”

หมายเหตุ ข้อความทั้งหมดสามารถดูได้จากท้ายข่าว

ต่อเรื่องนี้ นพ.อำพล ซึ่งนอกจากจะสวมหมวกของ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) และบอร์ดอภ.แล้ว ยังเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) รวมถึงเป็นกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ อภ.คนใหม่ แทน นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ได้ให้สัมภาษณ์สื่อถึงเรื่องนี้ว่า ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงไปเชื่อมโยงกันว่า การเลิกจ้างนพ.สุวัช เกี่ยวข้องกับการเมือง ขอย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แต่อย่างใด เนื่องจากบอร์ด อภ.มีมติพิจารณาจากภาพรวมการทำงาน และการเลิกจ้างก่อนสัญญาก็เป็นไปตามสัญญาที่ว่า หากเลิกจ้างก่อนจะต้องมีการแจ้งล่วงหน้า 30 วันและจ่ายค่าตอบแทน 6 เดือน ส่วนที่เลิกจ้างครั้งนี้มีเหตุผลว่าต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนความขัดแย้งภายในองค์กรก็ต้องมีผู้บริหารที่ดีที่สามารถจัดการได้ สำหรับการประเมินผลการทำงานของผู้อำนวยการ อภ. ต้องบอกว่า ยังไม่เสร็จ เนื่องจากต้องใช้เวลา ซึ่งคนละเรื่องกัน  ต้องแยกประเด็นให้ดี เพราะเรื่องการบริหารต้องมองภาพรวมทั้งประเทศ ยิ่งการบริหารจัดการยาให้ผู้ป่วย จะมีปัญหาไม่ได้

"ผมไม่เข้าใจว่าไปคิดเองได้อย่างไร ว่า การเลิกจ้างนพ.สุวัช ไปเชื่อมโยงกับผู้อำนวยการอภ.คนเก่า และยังไปเชื่อมกับการเมืองภายในกระทรวงสาธารณสุข คนละเรื่องโดยสิ้นเชิง  อย่างนพ.สุวัช ก็นับเป็นน้องผม รู้จักกัน  ส่วนการสรรหาผู้อำนวยการ อภ.คนใหม่ ยังไม่มีการประชุมอะไรเลย เรื่องนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอน" นพ.อำพล กล่าว

ขณะที่ นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ หนึ่งใน 8 เครือข่ายองค์กรสุขภาพ กล่าวว่า การที่เครือข่ายฯ ไปเรียกร้องเพื่อให้ตรวจสอบการบริหารของ นพ.สุวัชนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่เครือข่ายฯ มองถึงประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของงานที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อย่างที่ร้องเรียนคือ ปัญหาของผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ พบปัญหายาต้านไวรัสเอชไอวีไม่เพียงพอ ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อน เนื่องจากมีปัญหาในกระบวนการผลิต การบริหารวัตถุดิบต่างๆ โดยผู้อำนวยการ อภ.ไม่สามารถบริหาร จัดสรร หรือคำนวนเวลาในการสั่งซื้อวัตถุดิบ การนำเข้า การผลิตว่าจะเพียงพอต่อผู้ป่วยหรือไม่ ทั้งๆ ที่อภ.เป็นผู้สนับสนุนยารายใหญ่ของรัฐ  ไม่น่าจะมีปัญหาลักษณะนี้ ที่สำคัญยังไปลดการผลิตยาเพื่อปรับปรุงสายการผลิต และหันไปซื้อจากภาคเอกชน ตรงนี้ก็ทำให้รายได้อภ.ลดลงด้วย ทั้งหมดจึงต้องมองภาพรวม ไม่ใช่ว่าทุกอย่างไปโยงการเมืองเสียหมด สำหรับการสรรหาผู้อำนวยการ อภ.คนใหม่นั้น ขอให้สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ หากเป็นไปได้อยากให้เป็นเภสัชกรมาบริหารงาน เพราะน่าจะเข้าใจระบบยาได้ดี แต่ต้องเป็นเภสัชฯที่มีฝีมือ บริหารระบบยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หมายเหตุ ข้อความเต็มจากเฟซบุค นพ.อำพล จินดาวัฒนะ

สื่อที่ดี ควรสร้างสรรค์

เช้าวันนี้ (28 ต.ค.57)
ผมอ่านเจอข่าวนี้ในสื่อสิ่งพิมพ์ฉบับหนึ่ง อ่านแล้วเศร้าที่เห็นสื่อมวลชนเสนอข่าวแบบไม่รับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ วิเคราะห์ในแง่ร้าย ไม่ให้เกียรติผู้อื่น

เขาวิเคราะห์ข่าวการเลิกจ้างผอ.องค์การเภสัชกรรม โดยกรรมการองค์การ เมื่อ 2 วันก่อน โดยพาดพิงว่า

"บุคคลสำคัญที่ควรกล่าวถึงในบอร์ดชุดนี้ เริ่มตั้งแต่ประธานคือ พลโทศุภกร สงวนชาติศรไกร รองเสนาธิการทหารบก นพ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ นพ.สุรเชษฐ์ สถิตย์นิรามัย รองปลัดสธ. นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการอย.

ทั้งหมดไม่อาจสลัดภาพทีมที่ปรึกษารมว.สธ.ได้.."

คำถามคือ คุณวิเคราะห์และเขียนอย่างนี้ได้อย่างไร ? 

คุณมโนไปเองไช่ไหม ? 

คุณรู้ไหมว่าคุณดูแคลนคนอื่น คุณมีสำนึกการเคารพในคุณค่าศักดิ์ศรีของคนอื่นหรือไม่ ?

คุณมีความรับผิดชอบหรือไม่ ?

หรือเขียนให้สนุกเร้าใจ เอาทุกเรื่องไปปนกันให้เป็นความขัดแย้งไปเสียหมด

ผมขอเรียนว่า

1.ประธาน(พลโทศุภกร)ท่านเป็นนายทหารที่มีประสบการณ์งานด้านส่งกำลังบำรุงมายาวนาน ท่านอยู่นอกวงการสาธารณสุขครับ คสช.แต่งตั้งท่านมาช่วยดูแลองค์การเสสัชกรรมในยุควิกฤต ท่านมาก่อนรมว.สธ. ท่านไม่รู้จักรมว.สธ.ด้วยซ้ำไป แล้วท่านมีภาพเป็นทีมที่ปรึกษารมว.สธ.ได้อย่างไรครับ ?

2.ผมทำงานปฏิรูประบบสุขภาพมากว่า 10 ปี ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการบริหารงานใดๆ ของกสธ.มา 7 ปีแล้ว (หลังจากเป็นเลขานุการรมว.สธ.เมื่อปี 50) มีแต่การทำงานประสานหนุนเสริมเชื่อมโยงกับกสธ. ปลัดกสธ.ทุกท่าน ผมคุ้นเคยกันดี ประสานทำงานหนุนกันไปมาด้วยดีตลอดมาทุกยุคสมัย รวมไปถึงการประสานงานกับฝ่ายการเมืองด้วย

รมต.สธ.ชุดนี้ก็เหมือนชุดอื่นๆ ที่ผมในฐานะเลขาฯคสช.ก็ต้องประสานงาน แต่ไม่เคยไปเกี่ยวข้องในเรื่องเป็นทีมทปษ.(ที่ปรึกษา)ใดๆ เลย คุณเอาข้อมูลเท็จที่ไหนมาเขียน คุณมโนไปเองหรือไม่ ?

3.นพ.สุรเชษฐ์ เป็นข้าราชการประจำระดับสูงของกสธ. เกี่ยวกับรมต.สธ.ก็ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา คุณหมอสุรเชษฐ์มาเป็นกรรมการองค์การ ก่อนรมต.สธ.ชุดนี้มารับหน้าที่

4.นพ.บุญชัย เลขาอย.เป็นข้าราชการประจำ เป็นกรรมการชุดเก่าขององค์การคนเดียวที่เหลืออยู่ เป็นชุดที่คัดเลือกหมอสุวัชมาเป็นผอ.กับมือตัวเองด้วยซ้ำ ไปเป็นทีมทปษ. รมวสธ.ปัจจุบันเมื่อไรหรือครับ ?

ทั้งสี่คนที่คุณเขียนว่าสลัดภาพทีมทปษ.รมว.สธ.ไม่ออก คุณเอาอะไรมาเขียนครับ

ผมขอเรียนว่า อำนาจการดูแลการบริหารองค์การเภสัชกรรมเป็นของคณะกรรมการ ไม่ไช่ของรมต.สธ.หรือของปลัดกระทรวงแต่อย่างใด ซึ่งกรรมการชุดนี้เป็นคนนอกที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ เกือบทั้งหมด การตัดสินใจต่างๆเป็นไปเพื่อประโยชน์ขององค์กรและประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่เกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆ ในกสธ.เลยแม้แต่น้อย ส่วนใหญ่ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในกสธ.เขาขัดแย้งเรื่องอะไร ใครกับใครกัน

คุณเขียนลากเอาคนอื่นและเอาเรื่องนี้ไปปนกับเรื่องความขัดแย้งในกสธ.ได้อย่างไร ทำไมคุณไม่ใส่ใจในเนื้อหาของเรื่องครับ

คุณกำลังดูถูกดูแคลนกรรมการองค์การทั้งหมดว่าเขาตัดสินใจอะไรไปตามความขัดแย้งของขั้วนั้นขั้วนี้ หรือตามการชี้นำของคนนั้นคนนี้อยู่หรือไม่ครับ”