สำนักข่าวอิศรา -เผย "อ.ก.พ.สธ." ลงมติเชือดวินัยร้ายแรง "นพ.จักรกฤษณ์" อดีตหน.ผู้ตรวจ คดีเรี่ยไร 3.6 ล.ซื้อรถตู้ให้รมต.ลงพื้นที่ แต่ยังไม่สั่งลงโทษเป็นทางการ เหตุรอ ป.ป.ช. แจ้งตอบกลับผลการอุทธรณ์คดีอีกครั้ง รองปลัดฯ ย้ำแม้เกษียณอายุราชการไปแล้วดำเนินการย้อนหลังได้
นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์
12 ต.ค.57 สำนักข่าวอิศรารายงานว่า จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้ลงมติชี้มูลความผิด นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ขณะดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ กระทรวงสาธารณสุข ในคดีกล่าวหา ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เรี่ยไรเงินจากโรงพยาบาลในเขตตรวจราชการที่ 6 รวม 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และจังหวัดพัทลุง บริจาคเงินรวม 3,601,020 บาท เพื่อซื้อรถตู้โฟล์คสวาเกน ให้รัฐมนตรีไว้ใช้งานในระหว่างลงพื้นที่ ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.57ที่ผ่านมา พร้อมส่งเรื่องให้ทางกระทรวงสาธารณสุขลงโทษวินัยร้ายแรงตามมติ ป.ป.ช.นั้น
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.57 นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้าเรื่องนี้กับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ว่า ที่ประชุม อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มี นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้นำผลการสอบสวนกรณีนี้ เข้าสู่การพิจารณาและมีมติสั่งลงโทษทางวินัยกับ นพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ตามผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.ไปแล้ว ในช่วงกลางเดือน ก.ย.57 ที่ผ่านมา
นพ.วชิระ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทาง สธ.ยังไม่ได้สั่งลงโทษ นพ.จักรกฤษณ์ เป็นทางการ เนื่องจากได้รับแจ้งจากนพ.จักรกฤษณ์ ว่าได้ทำหนังสือขออุทธรณ์ผลการสอบสวนคดีนี้ไปยัง ป.ป.ช. อีกครั้ง จึงต้องรอผลการพิจารณาของทางป.ป.ช.ก่อนว่าจะออกมาอย่างไร
"เพื่อให้ความเป็นธรรมกับนพ.จักรกฤษณ์ หลังจากที่ อ.พ.ก.สธ.มีมติสั่งลงโทษทางวินัยตามผลการสอบสวนของ ป.ป.ช.ไปแล้ว ทางอ.พ.ก.สธ.ได้ทำหนังสือแจ้งไปถึง ป.ป.ช. เพื่อขอทราบความชัดเจนเกี่ยวกับการอุทธรณ์คดีของ นพ.จักรกฤษณ์ ทันที ขณะนี้อยู่ระหว่างรอฟังผลจากทางป.ป.ช.อยู่ หากผลออกมาว่าป.ป.ช.ไม่รับการอุทธรณ์ และยืนยันผลการลงโทษตามสำนวนสอบสวนที่ส่งมาให้ ทางอ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข จะสั่งลงโทษทางวินัยกับนพ.จักรกฤษณ์ทันที"
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยังกล่าวยืนยันว่า การพิจารณาคดีนี้ของ อ.ก.พ.สธ.อยู่ในช่วงกรอบระยะเวลา 30 วัน ตามกฎหมาย ที่จะต้องดำเนินการตามมติผลการสอบสวนของ ป.ป.ช. ซึ่งในปัจจุบันแม้ว่านพ.จักรกฤษณ์จะเกษียณอายุราชการไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 ก.ย.57 ที่ผ่านมา แต่ถ้าได้รับคำยืนยันจาก ป.ป.ช. ตอบกลับมาว่า ไม่รับการอุทธรณ์ สธ.สามารถที่จะลงโทษย้อนหลังได้ เพราะมติของอ.ก.พ.สธ. เกิดขึ้นก่อนที่นพ.จักรกฤษณ์ จะเกษียณอายุราชการ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงาน ว่า ป.ป.ช.ได้ระบุข้อกล่าวหาคดีนี้ว่า การกระทำของนพ.จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการ ปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต ฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาลและไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง และฐานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 85(1),(4) มาตรา 85(7) ประกอบมาตรา 82(2) และมาตรา 85(7) ประกอบมาตรา 83 (3) และมีมูลความผิดอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157
ส่วนนางอัญชลี ภุมมา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ให้กันตัวไว้เป็นพยาน ตามประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการกันบุคคลหรือผู้ถูกกล่าวหาไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ.2554
และมีการส่งสำนวน เอกสาร ไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลต่อ นพ.จักรกฤษณ์ ด้วย
ขณะที่ นพ.จักรกฤษณ์ เคยพิมพ์ข้อความจดหมายเปิดผนึกชี้แจงไปยังเพื่อนข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่า
"ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ให้กำลังใจครับ ผมขออนุญาตชี้แจงข้อมูลเพื่อเป็นข้อคิดและแนวทางการปฏิบัติงานของพวกเราต่อไปครับ ป.ป.ช. โดยมติกรรมการชี้มูลกรณี ผมในฐานะสธน.ปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจเขต 6 ตอนนั้น
มีข้อน่าสังเกตุคือ การชี้มูลของปปช.มีจุดแตกต่างจากคดีอื่นที่เคยชี้มูลคือได้กันผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมดโดยตรงมาเป็นพยานและป.ป.ช.ให้ความเชื่อถือพยานปากนี้เป็นอย่างมาก
ทั้งที่มิได้สืบความน่าเชื่อถือว่าเคยมีพฤติกรรมอย่างไรในการทำงานบ้าง การให้การดังกล่าวทำให้การจัดหารถตู้สมรรถนะดีไว้ประจำเขต เพื่อใช้ในราชการของเขตและใช้เงินนอกงบประมาณ(สวัสดิการ) ของแต่ละโรงพยาบาลกลายเป็นเรื่องประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงและถูกชี้มูลตาม ม148,157
ดุลยพินิจปกติรถคันนี้ใช้ในราชการมาตลอดปัจจุบันก็ยังเป็นของราชการ การได้มาเพื่อใช้ในราชการกลายเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง???
มีคนถามผมว่าเกี่ยวข้องกับคดีที่ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งตกเป็นจำเลยผมในศาลหรือไม่ผมไม่ทราบจริงๆแต่คิดว่าสุดท้ายความยุติธรรมจะยังคงอยู่ในประเทศครับ รับราชการอย่างตั้งใจมา 36ปี ต้องข้อหาประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงเพราะหาของให้ราชการใช้!!!???
ผมคงดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไปจากทั้งอ.ก.พ.กระทรวงและองค์กรที่เกี่ยวข้องครับซึ่งผลสรุปคงไม่นานเกินรอ ขอบคุณครับ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ด่วน ! ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ‘หมอจักรกฤษณ์ ผู้ตรวจสธ.’ ผิดวินัยร้ายแรง
- 49 views