นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้เห็นข้อเสนอกรณีกลุ่มนักวิชาการสาธารณสุขที่มีการประชุมและเสนอให้กรมขึ้นภาษีเครื่องดื่มตามปริมาณความหวาน เพื่อดูแลสุขภาพคนไทยแล้ว โดยข้อเสนอนี้สอดคล้องกับแนวคิดของกรมที่จะปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มใหม่ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ว่าต้องการให้เป็นอย่างไร กรมในฐานะผู้ปฏิบัติทำได้เพียงศึกษาข้อดีข้อเสีย และนำเสนอรัฐบาล โดยยอมรับว่าการปรับโครงสร้างภาษีเครื่องดื่มใหม่จะทำให้การจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเครื่องดื่มได้รับการยกเว้นภาษีกว่า 100 รายการ โดยตามกฎหมายเครื่องดื่มที่ได้รับการยกเว้นภาษีต้องเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และต้องเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือมีน้ำผลไม้ แต่พบว่ามีผู้ผลิตหลายยี่ห้อมาขอใช้สิทธิ์แต่เมื่อพิจารณา ส่วนผสมแล้วกลับไม่มีประโยชน์ต่อผู้บริโภคตามเจตนารมณ์ของการยกเว้นภาษี โดยมีน้ำตาลมากกว่าส่วนผสมธรรมชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้สรรพสามิตเคยระบุว่า มีข้อเสนอให้เก็บภาษีแบบขั้นบันได ตามเปอร์เซ็นต์ของส่วนผสม อาทิ ถ้ามีส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือผลไม้ 100% ได้รับการยกเว้นภาษี หากไม่เกิน 50% เสียภาษีในอัตราหนึ่ง และหากไม่เกิน 10% ต้องเสียภาษีแพงกว่า 50% โดยปัจจุบันมีเครื่องดื่มที่เสียภาษีสรรพาสามิต 3 ชนิดคือ คือ 1.น้ำอัดลม เสียภาษี 20% 2.เครื่องดื่มชูกำลัง 20% 3.โซดา 25%

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557