เวบไซต์มติชนออนไลน์รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก ไลน์ ฯลฯ เกี่ยวกับการทำงานของแพทย์ฉุกเฉิน อาสาสมัครที่เข้าช่วยเหลือผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ ว่าอิงการเมือง และโดนคำสั่งให้เกียร์ว่างไม่ให้เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการชุมนุม

โดยชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกข่าวอย่างต่อเนื่องผ่านเพจชมรมแพทย์ชนบทว่าไม่มีการส่งน้ำเกลือจากองค์การเภสัชกรรมเพื่อช่วยเหลือประชาชนรวมทั้งรถพยาบาลต่างๆก็จอดไว้เฉยๆ ไม่เข้าพื้นที่ โดยมีการประกาศระดมทีมแพทย์จากภาคใต้เพื่อมาตั้งทีมแพทย์ภาคสนามที่สนามกีฬานางเลิ้งด้วยนั้น                   

นายสุทธิรัตส์ คุ้มสม เจ้าหน้าที่กู้ชีพ มูลนิธิร่วมกตัญญู กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวของแพทย์บางกลุ่มที่พาดพิงการช่วยเหลือของแพทย์ฉุกเฉินว่าอิงการเมือง ขณะนี้มีแพทย์บางกลุ่มออกมาพูดในสื่อออนไลน์ถึงการทำงานของแพทย์ฉุกเฉิน ทีมกู้ชีพ โดยไปเชื่อมโยงกับนโยบายการเมืองเรื่องเกียร์ว่าง

เหมือนกับพวกตนทำงานช่วยชีวิตคนโดยเลือกข้าง ซึ่งสื่อออนไลน์ไปไกล ทำให้คนเข้าใจผิด สุดท้ายพวกตนได้รับผลกระทบมาก เพราะเมื่อเข้าไปในพื้นที่กลับถูกด่า และถูกหาว่า เป็นทีมแพทย์ที่อิงการเมือง เลือกสีเลือกข้าง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ พวกตนไม่เคยเลือกสี เลือกข้าง ช่วยคนทุกคนเหมือนกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทำให้ไม่สบายใจ และทำงานลำบากมาก

นอกจากนี้ แพทย์บางกลุ่มยังไปให้ข้อมูลผิดๆ ในเรื่องของการใช้น้ำเกลือล้างตาเมื่อถูกแก๊สน้ำตา ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ การล้างแก๊สน้ำตาใช้น้ำเปล่า น้ำสะอาดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเกลือ ทำให้ผู้ชุมนุมมาขอน้ำเกลือจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หน่วยกู้ชีพมาก เราไม่ให้ก็ไม่ได้ แต่เราต้องให้ในปริมาณจำกัด เพราะเราต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้เพื่อช่วยคนบาดเจ็บอื่นๆ จึงอยากให้มีการกระจายข่าวให้ถูกต้อง ไม่ใช่มองทุกอย่างเป็นการเมืองหมด
     
ทางด้าน นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ ผู้อำนวยการศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งไม่ให้รถพยาบาลฉุกเฉินเข้าไปช่วยประชาชนในพื้นที่ชุมนุมนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะหน่วยเอราวัณ ยังเอารถออกช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บตลอดเวลา เป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์เอราวัณ กับกระทรวงสาธารณสุข

"ขณะนี้มีหลายกลุ่มที่พยายามเข้ามาช่วยเหลือ โดยเฉพาะชมรมแพทย์ชนบท ทำให้เกิดความสับสนในการทำงาน เนื่องจากชมรมแพทย์ชนบทไม่ได้ขึ้นตรงหรือประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข ทำให้การให้ข้อมูล การให้บริการไม่เข้าระบบเลย"

ที่มา : www.matichon.co.th