ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสมัชชานานาชาติแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก21ประเทศ ตั้งเป้าภายในพ.ศ.2558 จะลดปัญหาโรคเอดส์ให้เป็นศูนย์ 3 เรื่องตามคือ ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ไม่มีผู้เสียชีวิตจากเอดส์ละไม่มีการตีตราและเลือกปฎิบัติได้สำเร็จตามเป้าหมายองค์การสหประชาชาติ เผยล่าสุดในปี 2554 มีผู้ติดเชื้อในภูมิภาคนี้ประมาณ 5 ล้านคนหรือประมาณ 1 ใน 10 ของผู้ติดเชื้อทั่วโลก เสียชีวิตปีละ 3 แสนคน ปัญหาหลักเกิดจากติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การฉีดยาเสพติดเข้าเส้น กลุ่มชายรักชาย และกลุ่มแปลงเพศ
วันนี้(19 พฤศจิกายน 2556)ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมสมัชชานานาชาติเรื่องโรคเอดส์ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 11 (The 11th International Congress on AIDS in Asia and the Pacific: ICAAP) จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน สมาคมเอดส์แห่งเอเชียและแปซิฟิกและยูเอ็นเอดส์ ระหว่างวันที่ 18-22 พฤศจิกายน 2556 หัวข้อหลักการประชุมปีนี้คือ เอดส์ในเอเชียแปซิกฟิก ลดให้เหลือเป็นศูนย์ 3 ประการได้ ด้วยการลงทุนด้านนวตกรรม (Asia/Pacific Reaching Triple Zero: Investing in Innovation) ตามเป้าหมายของสหประชาชาติกำหนด คือ 1.ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2.ไม่มีผู้ที่เสียชีวิตจากเอดส์ 3.ไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ ภายในพ.ศ. 2558 มีผู้ร่วมประชุมจาก 21 ประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกกว่า 3,000 คน
นายแพทย์ประดิษฐ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้โรคเอดส์ยังคงเป็นปัญหาเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนทุกภูมิภาคทั่วโลก โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) รายงานล่าสุดในปี 2555 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 35.3 ล้านคน เสียชีวิตปีละ 1.6 ล้านคน ซึ่งลดลงจากปี 2548 ร้อยละ 30 เนื่องจากผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีมากขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่เพิ่มปีละ 2.3 ล้านคน สำหรับในกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งมี 21 ประเทศ รวมไทยด้วย มีผู้ติดเชื้อเอดส์ประมาณ 1 ใน 10 ของทั่วโลก ในปี 2554 มีรายงานผู้ติดเชื้อประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งจำนวนพอๆกับเมื่อช่วง5 ปีก่อน เสียชีวิตปีละ 3 แสนกว่าคนมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มปีละ 360,000 คน
สำหรับการแก้ไขปัญหาเอดส์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบว่าประสบความสำเร็จเป็นลำดับ โดยเฉพาะการลดผู้ติดเชื้อรายใหม่และลดการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกด้วยการให้ยาต้านไวรัสในแม่ก่อนคลอด ซึ่งเราต้องพยายามรักษามาตรฐานการดำเนินงานให้ดีขึ้น แต่อย่างไรก็พบว่าภูมิภาคยังมีความท้าทายที่ต้องเร่งแก้ายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย กลุ่มผู้แปลงเพศ ผู้ขายบริการทางเพศ กลุ่มผู้ฉีดยาเสพติดเข้าเส้น โดยพบว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นกลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปีสูงขึ้น โดยการประชุมครั้งนี้ นับว่าเป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่สุด มีเวทีนำเสนอและแลกเปลี่ยนวิชาการด้านเอดส์ เพื่อหาวิธีที่จะหยุดปัญหาเอดส์ให้ได้เร็วที่สุด โดยอาศัยการลงทุนอย่างคุ้มค่าทั้งการป้องกันและการรักษาเอดส์ โดยเฉพาะการวิจัยเรื่องการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี ทำให้โลกมีความหวังที่จะหยุดการระบาดและรักษาให้เอดส์หายขาดได้ แต่ที่สำคัญคือเราต้องมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับปัญหานี้อย่างจริงจัง และแก้ปัญหาอย่างบูรณาการภายใต้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและระดับโลก
นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ในส่วนของไทยนั้น ประสบความสำเร็จในการลดการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกจนอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งระบบหลักประกันสุขภาพของไทยไทย ได้เพิ่มความครอบคลุมการให้การรักษาด้วยยา ต้านไวรัสเอดส์สูงถึงร้อยละ 70 และมีความพยายามที่จะปรับแนวทางการให้ยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องคำนึงถึงระดับเม็ดเลือดขาวซีดีโฟว์ (CD4) ขณะนี้ได้เพิ่มระบบการให้คำปรึกษารายที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เพื่อรับการตรวจเลือดหาเชื้อให้เร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้สามารถให้การรักษาโดยเร็วที่สุด ผู้ติดเชื้อสามารถกลับมามีชีวิตได้เหมือนคนปกติ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก ซึ่งจากการวิจัยพบว่าการลงทุนด้านนี้จะได้ผลตอบแทนกลับมาถึง 3 เท่า และเป็นตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยคาดว่าในปี พ.ศ.2556 ประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อเอดส์และผู้ป่วยเอดส์มีชีวิตอยู่ 447,640 คน และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ประมาณ 8,959 คน
- 212 views