ไทยรัฐ - จวก ลำยองเอฟเฟกต์ ถามหาโฆษณาถุงยางหายสาปสูญ ชี้สาธารณะสุขไม่จริงจังโปรโมท ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรค หวั่น 'ลำยอง' ตัวละครมีดังจากทองเนื้อเก้า ทางไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นต้นแบบ...กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์มากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับละครเรื่องดัง ทองเนื้อเก้า โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ทั้งในทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ก เรตติ้งพุ่งกระฉูดมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ ลำยองฟี เวอร์กันทั่วบ้านทั่วเมือง ลำยองตัวละครเอกตัวนี้ได้สะท้อนมุมมองต่างๆออกมาให้ได้คิดกันในหลายแง่มุม เป็นการตีแผ่ให้สังคมเห็นถึงชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่หลายคนก็วิพากษ์วิจารณ์เรื่องละครนำเสนอบทการมีเพศสัมพันธ์ของลำยองแบบไม่ถูกต้อง ไม่ใส่ถุงยางจนเป็นที่มาของการตั้งครรภ์แบบไม่พร้อม ทำให้ลูกที่ออกมามากมายกลายเป็นภาระต่อสังคม
ล่าสุด ดร.มีชัย วีระไวทยะ ผู้ริเริ่มรณรงค์ให้ประชาชนใช้ถุงยางอนามัยแบบไม่เหนียมอาย ผู้ก่อตั้งและประธานมูลนิธิมีชัยวีระไวทยะ ออกมากล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ ตอนนี้ไม่มีคนให้ความสำคัญกับถุงยาง ให้ความรู้ออกสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ เหมือนอย่างในยุคตนเองที่ทำงานกันจริงจริง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณะสุขที่ต้องเป็นหัวขบวนเรื่องนี้
"คนยุคนี้มักมีความเชื่อผิดๆ เรื่องเกี่ยวก้บการใส่ถุงยางเพราะไม่รู้ และไม่ให้ความสำคัญ คิดว่าการใส่ถุงยางให้ความรู้สึกไม่ดีเหมือนกับไม่ใส่ ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องความรู้สึกแบบนี้มันอยู่ที่หัวสมองไม่ได้อยู่ที่จู๋ โดยเฉพาะผู้ชายที่เห็นแก่ตัวมักจะเป็นฝ่ายที่ขอไม่ใส่ถุงยาง ซึ่งไม่รู้ว่าผลผิดพลาดที่ตามมามันมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคจากเพศสัมพันธ์ที่ไม่เพียงเกิดจากตัวเอง ภรรยา ลูก ตามมาเป็นลูกโซ่ วันนี้ไทยเป็นประเทศที่ท้องและเกิดคุณแม่วัยใสที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมไม่จบเป็นอันดับ 2 ของโลก อนาคตก็เจ๊งไปด้วย ไหนจะเรื่องเด็กที่ออกมาถูกทิ้ง และการติดเชื้อต้องรักษาเชื้อกลางๆ ถ้าติดเอส์ด้วยก็เสร็จเลย การไม่ใช้ถุงยางก็เหมือนการไม่ใส่หมวกกันน็อค"ผู้ริเริ่มรณรงค์ให้ประชาชนใช้ถุงยางอนามัยแบบไม่เหนียมอาย กล่าวทิ้งทาย ที่สถานการณ์เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า กระทรวงสาธารณสุขนั้นไม่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเรื่องนี้เลย โฆษณาต่างๆ ก็มีแต่ยกทรง มีแต่เรื่องล่อๆ แหลม แล้วแบบนี้คนจะรู้ประโยชน์ของถุงยางได้อย่างไรขณะที่ โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว่า หากใครใช้ชีวิตแบบลำยอง ตัวละครเอกในเรื่องทองเนื้อเก้าแล้ว คงหนีไม่พ้นจุดจบที่ต้องเจอกับโรคร้ายแรง โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากให้พูดถึงโรคติดต่อที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ นั้นมีด้วยกันหลายประเภท
เช่น โรคหนองในแท้เป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อแบคทีเรียชื่อNeisseria gonorrhoeaโรคนี้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะทางปากช่องคลอดหรือทางทวารหากช่องคลอดหรืออวัยวะดังกล่าวปนเปื้อนหนองที่มีเชื้อก็สามารถติดเชื้อนี้ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีการร่วมเพศและหากมีคู่ขามากเท่าไหร่ก็จะมีโอกาสติดเชื้อนี้เพิ่มขึ้น
หนองในเทียมเชื้อที่เป็นสาเหตุสำคัญพบบ่อยที่สุดคือ Chlamydia trachomatisนอกจากนี้ยังมีUreaplasma urealyticumผู้ป่วยมักจะมีอาการแสบหรือรู้สึกขัดเวลาถ่ายปัส สาวะและมีหนองใสๆบางรายมีอาการคันในท่อปัสสาวะหรือมีรอยแดงๆบริเวณปากท่อปัสสาวะมักมีหนองไหลในตอนเช้าๆในบางรายอาจมีเชื้ออยู่โดยไม่มีอาการก็ได้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อคลามีเดียบางคนอาจมีอาการแทรกซ้อนคือปวดบวมติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การป้องกันและควบคุมโรคเมื่อพบผู้ป่วยจำเป็นต้องให้ยารักษาจนครบกำหนดและแนะนำให้นำคู่สมรสมาตรวจรักษาด้วยในระยะที่มีอาการควรงดการร่วมเพศไม่ควรประพฤติสำส่อนทางเพศและการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยป้องกันโรคได้
ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อที่มีความรุนแรงมากและอันตรายสูงโรคหนึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ไม่บ่อยการติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็งไม่เจ็บที่อวัยวะเพศถ้าไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่าเข้าข้อหรือออกดอกหากทิ้งไว้นานจะติดเชื้อที่ระบบประสาทและหัวใจ อาจกินเวลาหลายปีโรคจึงจะเข้าสู่ระยะที่สามเป็นระยะสุดท้ายของโรคในระยะนี้ผู้ป่วยก็อาจจะต้องทุกข์ทรมานด้วย บนผิวหนังจะมีก้อนนูนแตกเป็นแผลเหวอะหวะซึ่งจะกลายเป็นแผลเป็นทำให้เสียโฉม สติปัญญาเสื่อมสมองพิการจนถึงเป็นอัมพาตหรืออาจถึงกับเป็นบ้าก็ได้ยิ่งกว่านั้นอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตถ้าเกิดไปเป็นที่หัวใจทำให้ลิ้นหัวใจรั่วหัวใจวายเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจโป่งพองและตายในที่สุดการป้องกันและควบคุมโรคโรคนี้เกิดขึ้นจากการสำส่อนทางเพศในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่จะใช้ป้องกันโรควิธีป้องกันที่ให้ผลก็คือละเว้นพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ
โรคหูดที่อวัยวะเพศ หูดที่อวัยวะเพศเกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี(HPV) ซึ่งทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศทั้งชายและหญิง ปากมดลูก ภายในช่องคลอด ช่องทวารหนัก หรือท่อปัสสาวะ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ที่มีไวรัสที่ทำให้เกิดหูดที่ผิวหนังอาจจะไม่แสดงอาการหรือร่องรอยการติดเชื้อ และเชื้ออาจหายไปเองแต่สำหรับผู้ติดเชื้อบางรายอาจมีตุ่มขึ้นตามผิวหนังตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย บางครั้งอาจะมีอาการคันหรืออักเสบที่อวัยวะสืบพันธุ์ร่วมด้วย ลดความเสี่ยงในการติดต่อโรคได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัย เชื้อเอชพีวีไม่สามารถผ่านถุงยางอนามัยได้ แต่อย่างไรก็ตาม ถุงยางอนามัยก็ไม่ได้ครอบคลุมผิวทั้งหมด ดังนั้นจึงควรระวังการสัมผัสของผิวหนังบริเวณรอบๆด้วย
แผลริมอ่อน เป็นโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่าHaemophilus Ducreyiโรคนี้ติดต่อได้ง่ายแต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดโรคนี้จะทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศและต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตบางครั้งมีหนองไหลออกมาที่เรียกว่าฝีมะม่วงหากไม่รักษาจะเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อHIVได้ง่าย
เริมอวัยวะเพศ เริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยขึ้น และเป็นโรคที่ไม่หายขาด จึงมีจำนวนคนที่เป็นโรคนี้สะสมมากขึ้นทุกปี การติดเชื้อเริมส่วนใหญ่ติดจากการร่วมเพศ เชื้อไวรัสติดเข้าสู่ร่างกาย ทางแผลที่ผิวหนังหรือเยื่อบุอ่อนๆ แล้วอาจไม่แสดงอาการ แต่กลับไปแฝงตัวที่ปมประสาทรับความรู้สึก ( Sensory nerve ganglion) เชื้อจะจะยึดปมประสาทนี้เป็นที่มั่นตลอดไป แต่อาจถูกกระตุ้นให้กลับมาก่อโรคที่ผิวหนังได้เป็นครั้งคราว และระหว่างที่มีรอยโรคอยู่ ก็สามารถที่จะแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นที่ไป สัมผัสได้ แต่ที่ร้ายกว่านั้น หญิงที่มีเชื้อเริมที่ปากมดลูก หรือช่องคลอด มีเกือบครึ่งที่ไม่มีอาการอะไรผิดปกติแสดงออกมา ให้เห็น ดังนั้นหญิงเหล่านี้จึงมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อไปให้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยได้โดยไม่รู้ตัวภาพจาก www.thaitv3.com
หิด เป็นโรคที่เกิดจากปาราสิตไชเข้าผิวหนังทำให้เกิดตุ่มคันหิดเป็นโรคติดต่อโดยการสัมผัสกันโดยตรงสามารถเกิดที่ผิวหนังได้ทั่วร่างกาย เป็นการติดเชื้อปาราสิตที่มีชื่อว่าSarcoptes scabieiตัวเมียจะฝังตัวใต้ผิวและขึ้นมาวางไข่วันละ2-3ฟองไข่จะใช้เวลาในการฟักตัวประมาณ10วันจึงจะเป็นตัวอ่อน โรคนี้จะติดต่อโดยการสัมผัสระหว่างผิวหนังที่เป็นโรคและผิวหนังปกติการติดต่อมักจะเกิดเมื่อนอนร่วมกันเป็นเวลานานการร่วมเพศอย่างเดียวมีโอกาสติดเชื้อนี้น้อย
โรคที่น่ากังวลที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือโรคเอดส์ การพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ ถ้าคู่นอนของเรามีเชื้ออาจจะติดกันได้ โรคเอดส์เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการติดเชื้อฉวยโอกาส เป็นโรคร้ายแรงที่ยังไม่มีตัวยาใดมารักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยังพบผู้ติดเชื้อ เอดส์ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
และสุดท้าย อาจจะไม่ใช้โรคแต่เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมด้วยเหมือนกัน การท้องไม่พร้อม คือ สถานการณ์ของการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีการวางแผนการณ์จะให้เกิดขึ้น การไม่มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการคุมกำเนิดการถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์ก่อนการสมรส ตลอดจนความไม่พร้อมในด้านภาวะต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ การไม่รับผิดชอบของบิดาของเด็กในครรภ์ นำพาไปซึ่งปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพร่างกาย ปัญหาทางจิต ปัญหาทางด้านครอบครัวและสังคม
สุดท้าย อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำว่า จากโรคต่างๆที่กล่าวมาทั้งหมดเกิดจากสาเหตุเดียวก็คือ การไม่ใช้ถุงยางอนามัย ถ้ามีพฤติกรรมมากรัก เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่นอย่างลำยองอีกไม่นานคงเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างแน่นอน เพราะไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย รู้ได้เพราะ มีลูกหลายๆคนในเวลาไล่เลี่ยกันนี่ก็เป็นสาเหตุของปัญหาการท้องไม่พร้อมนั้นก็เพราะว่าลำยองไม่รู้จักวิธีป้องกัน ซึ่งในสมัยนั้นการป้องกันต่างๆคงยังไม่มีมากนัก แต่แม้ในสมัยนี้จะมีการป้องกัน โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว แต่พฤติกรรมการป้องกันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีมากขึ้นสักเท่าไหร่ มีการใช้ถุงยางอนามัย เมื่อได้ไปทำการสำรวจจากหมู่วัยรุ่นที่มีการเที่ยวกลางคืน ว่ามีการใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ ก็พบว่ามีการใช้แค่ 40% เท่านั้นเอง เมื่อไปสอบถามพวกขายบริการทางเพศ พบว่ามีการใช้อยู่ที่ 90 % ถ้าเป็นเพื่อนกันเป็นคู่นอนกันจะยิ่งใช้ถุงยางอนามัยน้อยเพราะเกิดจากความไว้ใจ เชื่อใจกัน ซึ่งจริง ๆ เป็นความเข้าใจผิด เราจำเป็นต้องใส่ถุงยางอนามัย
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการงดมีเพศสัมพันธ์หากยังมีเพศสัมพันธ์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว สวมถุงยางอนามัยหากมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่แน่ใจว่าจะมีโรคติดต่อหรือไม่ อย่ามีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยเพราะจากสถิติหากมีเพศสัมพันธ์อายุน้อยจะมีโอกาสติดโรคสูง ให้ตรวจประจำปีเพื่อหาเชื้อโรคแม้ว่าจะไม่มีอาการโดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแต่งงานใหม่.
ที่มา: http://www.thairath.co.th
- 185 views