ฐานเศรษฐกิจ - คกก.บริหารระบบยา เวชภัณฑ์ฯ มีมติให้สถานพยาบาลภาครัฐทุกแห่งดำเนินการตามมาตรการเบิกจ่ายยาต้นแบบ และยาชื่อสามัญของกรมบัญชีกลาง เริ่ม 1 มกราคม 2557เป็นต้นไป และประเมินผลกระทบทางการเงินสถานพยาบาลภายหลัง 6เดือน และขอให้สถานพยาบาลไม่เรียกเก็บเงินเพิ่ม
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการกำหนดระบบบริหารยา เวชภัณฑ์ การเบิกจ่ายค่าตรวจวินิจฉัยและค่าบริการทางการแพทย์ ในเรื่องหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ายาของกรมบัญชีกลาง ซึ่งกำหนดราคาเบิกจ่ายต่างกันระหว่างยาชื่อสามัญ (generic drug)กับยาต้นแบบหรือยาออริจินอล (Original drug) เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล แต่ยังสามารถใช้ยาทุกตัวได้ตามเหตุผลทางการแพทย์ โดยจะมีผลบังคับใช้ในสถานพยาบาลทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2557 เป็นต้นไป ว่า กระทรวงสาธารณสุขจะร่วมกับกรมบัญชีกลางในการช่วยสถานพยาบาลปรับตัวกับระเบียบใหม่
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจัดทำทะเบียนยาชื่อสามัญกับยาต้นแบบ รวมทั้งยาชีววัตถุให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2556 รวมทั้งสถานพยาบาลกระทรวงสาธารณสุขจะไม่มีการเรียกเก็บเงินเพิ่ม(Copayment) ในกรณีที่ใช้ยาออริจินอล และ ขอความร่วมมือให้สถานพยาบาลในสังกัดอื่นไม่มีการเรียกเก็บเงินเพิ่มเช่นเดียวกัน เพื่อไม่ให้ผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการได้รับความเดือดร้อน เมื่อดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวครบ 6 เดือน จะมีการประเมินผลกระทบทางการเงินของโรงพยาบาลอีกครั้ง นอกจากนั้นกรมบัญชีกลางกำลังเร่งดำเนินการปรับอัตราเบิกจ่ายค่าบริการหมวดอื่นๆ คู่ขนานกันไป เพื่อเพิ่มรายได้ให้สถานพยาบาล ควบคู่กับการเพิ่มสิทธิประโยชน์บางเรื่องให้กับผู้มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ
ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบให้มีการเริ่มใช้บัญชีข้อมูลรายการยาและรหัสยามาตรฐานยา โดยจะมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการให้ทันภายในสิ้นปีนี้ ในการใช้บัญชีข้อมูลยาดังกล่าว จะแบ่งออกเป็น3 ระยะ กล่าวคือ ในระยะสั้น จะเป็นการเชื่อมโยงรหัสยาของโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อเบิกจ่ายในระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ในระยะกลางจะผนวกเข้าไปโปรแกรมของโรงพยาบาล ใช้สำหรับการสั่งซื้อและการเบิกจ่ายทั้ง 3 กองทุน และในระยะยาวใช้สำหรับจัดซื้อยาตามระเบียบพัสดุ รวมทั้งจะขยายต่อยอดกับระบบยาอื่นๆ เช่นการขึ้นทะเบียนตำรับยาการกระจายยา การเฝ้าระวังหลังจากยาออกสู่ท้องตลาด เป็นต้น ซึ่งจะต้องมีหน่วยงานรับผิดชอบดูแลพัฒนา บำรุงรักษาระบบโดยเฉพาะ
ที่มา: http://www.thanonline.com
- 6 views