เดลินิวส์ - "หมอประดิษฐ” ตอกกลับคนกล่าวหาทำลายภาพลักษณ์ อภ. ยันส่งเสริม รพ.ใช้ยาชื่อสามัญ ลั่นไม่ยอมให้คนหาผลประโยชน์ซื้อยาหัวใจแพง
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการกระตุ้นให้ใช้ยาชื่อสามัญใน รพ. ว่า เมื่อเร็วๆ นี้กรมบัญชีกลางได้กำหนดการเบิกจ่ายยาชื่อสามัญในระบบสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านยาในกลุ่มดังกล่าวลงได้เฉลี่ย 3-4 % หรือปีละ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้หากรวมกับมาตรการกระตุ้นให้ใช้ยาชื่อสามัญ หรือการใช้ยาอย่างสมเหตุผลน่าจะสามารถประหยัดงบประมาณของประเทศได้มากกว่านี้ แต่ขณะนี้พบว่ามาตรการดังกล่าวส่งผลกระทบบ้าง เช่น มีบางโรงพยาบาลรู้สึกว่าการที่ไม่สามารถใช้ยาต้นแบบได้นั้นจะทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาส ซึ่งความจริงต้องบอกว่ามาตรการนี้ไม่ได้ห้ามการเบิกจ่ายยาต้นแบบ หรือกรณีที่แพทย์บางท่านอาจจะไม่มีความมั่นใจในคุณภาพของยาชื่อสามัญ ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ต้องตรวจสอบคุณภาพอย่างรอบคอบ โดยส่วนตัวแล้วคงไม่สามารถจะบอกได้ว่าคุณภาพของยาชื่อสามัญจะเทียบเท่ายาต้นแบบ 100% แต่เชื่อว่าถ้าผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มาแล้วน่าจะเป็นยาที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะมีการหารืออักครั้งเพื่อหารือถึงมาตรการที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย
“มาตรการกระตุ้นให้มีการใช้ยาชื่อสามัญเพิ่มมากขึ้นนั้นจะเริ่มได้ประมาณวันที่ 1 ม.ค. 2557 เนื่องจากมีบาง รพ.แจ้งว่ายังมีสต็อกยาต้นแบบอยู่จำนวนหนึ่ง” นพ.ประดิษฐ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการส่งเสริมให้ใช้ยาชื่อสามัญใน รพ.รัฐ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ยาที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นส่วนใหญ่ ตรงนี้ความพร้อม ความน่าเชื่อถือของ อภ.เป็นอย่างไรบ้าง นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ได้มีการติดตามการทำงานของ อภ.ตลอด โดยภาระหน้าที่จะต้องจัดหายาที่มีความต้องการใช้ยาในประเทศ ทั้งในฐานะที่เป็นผู้ผลิต นำเข้า หรือสนับสนุนให้มีผู้ผลิตภายในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเป็นหน่วยงานนำร่องในการผลิตยาชื่อสามัญตัวใหม่ๆ ที่ผู้ผลิตในประเทศบางรายอาจจะไม่กล้า อย่างไรก็ตาม อภ.ยังต้องประเมินตัวเองด้วย หากยาตัวใดที่ยังทำได้ไม่มีประสิทธิภาพพอก็ต้องเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตภายในประเทศรายอื่นเป็นผู้ผลิตแทน เพราะที่ทำอยู่นี้ไม่ได้ทำเพื่อปิดตลาดในประเทศไทย แต่ทำเพื่อส่งเสริมการใช้ยาชื่อสามัญ
เมื่อถามถึงกรณีในอดีตที่มีการระบุว่า รมว.สาธารณสุข ทำลายภาพลักษณ์ อภ. เพื่อเอื้อให้บริษัทยาเอกชน นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า มันสวนทางกับคนที่พูด ถ้าตนไปทำลายอภ.ทำไมต้องส่งเสริมให้ใช้ยาชื่อสามัญ ป่านนี้คงเป็นพระเอกในดวงใจของบริษัทยาไปแล้ว แต่กลับมาทำในสิ่งที่กลับกัน อย่างไรก็ตามอยากให้อภ.รีบปรับตัวเร็วๆ เพราะเราคาดหวังไว้ว่า อภ.จะเป็นหลักในการนำประเทศไปในเรื่องของการใช้ยาชื่อสามัญที่เหมาะสม อยากให้พนักงานของ อภ.ทุกคนตระหนักว่าภาระของประเทศอยู่ในมือทุกคน เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้ประเทศไทยจะนำเข้ายาจากต่างประเทศ 75% หรือ 1.2 -1.3 แสนล้านบาท ในขณะที่ตลาดยาในประเทศมีแค่ 6-7 หมื่นล้าน
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ สปสช.จะซื้อยาหัวใจโคลพิโดเกรล 3 ล้านเม็ด ในขณะที่ยาชื่อสามัญจากอินเดีย 18 ล้านเม็ดเข้ามาแล้ว นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการยกเลิกไปแล้ว เพราะว่าไม่มีความจำเป็น สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือแหล่งที่จะซื้อยาและต้องเพิ่มแลต้องมีสต็อกยาเอาไว้ด้วยไม่ใช่สั่งเข้ามาใช้เดือนต่อเดือน ต้องคำนวณให้ได้ว่าหากยามีปัญหาจะต้องหาแหล่งใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน เพราะฉะนั้นจะต้องมีแหล่งผลิตมากขึ้น และมีสต็อกยาไว้พอสมควร ตนคงไม่ยอมให้ใช้จังหวะหรือโอกาสมาทำให้เกิดปัญหาเรื่องยา ทำให้ต้องซื้อยาในราคาที่แพงอย่างนี้.
ที่มา: http://www.dailynews.co.th
- 1 view