การกวาดล้างคอร์รัปชัน ในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ของทางการจีน ได้ส่งผล กระทบต่อยอดขายของบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งที่เป็นบริษัทท้องถิ่น และบริษัทข้ามชาติ และยังทาให้แพทย์จานวนมากในโรงพยาบาลจีน ปฏิเสธที่จะพบกับตัวแทนของบริษัทขายยา เพราะกังวลว่าจะติดร่างแหการสอบสวนที่ขยาย วงกว้างไปมากขึ้น
แกล็กโซสมิธไคลน์ (จีเอสเค) บริษัท เวชภัณฑ์อังกฤษ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสอบสวนครั้งนี้ ได้รับผลกระทบจากเรื่องข้างต้นมากที่สุด โดยผู้เชี่ยวชาญวงในอุตสาหกรรม คาดว่า ยอดขายยาในจีนของบริษัท จะชะลอตัวลงอย่างมากในไตรมาส 3 หรือถึงขั้นตกอยู่ในภาวะขาดทุน หลังในช่วง 3 เดือน นับถึงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มียอดขายทะยานขึ้น 14% ต่อปี
วิบากกรรมของจีเอสเค เกิดขึ้นหลังเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ผู้บริหารระดับสูงทั้ง 4 คนของบริษัท ถูกจับกุมด้วยข้อหาการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ บริษัทยา โรงพยาบาล และแพทย์ โดยผู้บริหารเหล่านี้ต่างดำรงตำแหน่งสำคัญในฝ่ายบริหารจัดการ ทรัพยากรบุคคล กฎหมาย และการพัฒนาธุรกิจของจีเอสเค
นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารระดับอื่นๆ และพนักงานมากกว่า 20 คน รวมถึงบริษัทยา และบริษัทท่องเที่ยวอีก 4 แห่งที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้ ที่หน่วยสืบสวนอาชญากรรมทางธุรกิจของจีน ระบุว่า เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2550 และคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านหยวน
อย่างไรก็ดี จีเอสเค ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่า ใช้บริษัทท่องเที่ยวเป็นตัวกลางในการจ่ายเงินสินบนให้กับแพทย์ ไม่ได้เป็นรายเดียวที่ตกเป็นเป้าการกวาดล้างครั้งใหญ่ของทางการแดนมังกร โดยมีบริษัทอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ที่ออกมาคาดการณ์ว่า ยอดขายในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ อาจได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาแมคคินซี แสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายด้านดูแลสุขภาพของชาวจีน อาจเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า มาอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2563 จำนวน 357,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2554 ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ ทำให้จีนกลายมาเป็นตลาดที่ดึงดูดความสนใจผู้เล่นในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์
กระนั้นก็ตาม การสอบสวนที่เกิดขึ้นเป็นระลอก ประกอบกับการเข้าตรวจสอบยังสำนักงานสาขาจีนของบริษัทข้ามชาติเหล่านี้ ได้ทำให้อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์แดนมังกรตกอยู่ในภาวะซบเซา ทั้งยังกระตุ้นให้บริษัทเหล่านี้ เพิ่มการตรวจสอบภายใน และควบคุมการทำหน้าที่ของพนักงานขาย
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ปัญหาคอร์รัปชันในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพจีน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่แพทย์ในโรงพยาบาลรัฐจำนวน 13,500 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทเวชภัณฑ์ มีฐานรายได้ต่ำ
นายคริส วีห์บาเชอร์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ซาโนฟี ยักษ์ใหญ่ด้านเวชภัณฑ์จากฝรั่งเศส ระบุเมื่อไม่นานมานี้ว่า การกวาดล้างพฤติกรรมคอร์รัปชัน ได้สร้างความสับสนให้กับอุตสาหกรรมยาในจีนอย่างมาก และผลกระทบที่เกิดขึ้นก็ยังอยู่มาอย่างต่อเนื่อง แม้ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา เรื่องนี้เริ่มที่จะสงบลงแล้วก็ตาม แต่ก็เชื่อว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ความสับสนวุ่นวายนี้ อาจแพร่ขยายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่พนักงานขายยารายหนึ่ง เผยว่า พวกเขาต้องลดการเดินทางไปยังโรงพยาบาล โดยมีสาเหตุมาจากทั้งเรื่องที่ตัวแทนจำหน่ายยาเข้าถึงแพทย์ได้ยากขึ้น และบริษัทต้องการที่จะดำเนินนโยบายที่สร้างความปลอดภัยให้กับธุรกิจไว้ก่อน
การลดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่เกิดขึ้น ยังทำให้บริษัทเวชภัณฑ์จำนวนหนึ่งจำเป็นต้องยกเลิกโควตาการขายในแบบรายเดือน หรือบางรายถึงขั้นเป็นรายไตรมาส ซึ่งแหล่งข่าวพนักงานขายของจีเอสเครายหนึ่ง ระบุว่า ยอดขายในอุตสาหกรรมลดลงอย่างแน่นอน เพราะสถานการณ์ และข่าวลือที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เกี่ยวกับเรื่องที่เจ้าหน้าที่มีการคุมตัวพนักงานขายบางรายไปสอบสวน
"พวกเราไปที่โรงพยาบาลน้อยลงเรื่อยๆ และกลัวว่า อาจจะต้องเจอกับเรื่องแบบเดียวกันนี้ ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเรามีเวลาในการออกไปขายยาได้น้อยลง และกังวลว่า อาจจะต้องตกงาน" แหล่งข่าวรายนี้ ระบุ
บริษัทเวชภัณฑ์ข้ามชาติรายใหญ่รายอื่นๆ รวมถึง โนวาร์ติส แอสตราเซเนกา ซาโนฟี อีไล ลิลลี่ แอนด์ โค และไบเออร์ ต่างโดนเจ้าหน้าที่จีนบุกเข้าตรวจค้นสำนักงานท้องถิ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ การสืบสวนก็ได้ขยายวงไปครอบคลุมถึงบริษัทท้องถิ่นด้วย
ดอยช์ แบงก์ วิเคราะห์ในรายงานที่ส่งถึงลูกค้าว่า ซิโน ไบโอฟาร์มาซูติคอล บริษัทเวชภัณฑ์จีน ที่โดนทางการจีนกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมติดสินบนนั้น อาจมียอดขายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ซบเซาลง
เช่นเดียวกับกัง แอนด์ ลี ฟาร์มาซูติคัล ที่โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป วาณิชธนกิจสหรัฐถือหุ้นอยู่เกือบ 10% ก็โดนสอบสวนในข้อกล่าวหาคอร์รัปชันด้วย
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารภายในอุตสาหกรรมรายหนึ่งบอกว่า การกำจัดคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ เพราะแพทย์มองว่า สินบนของบริษัทเหล่านี้ เป็นแค่ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของบริษัทยาเท่านั้น
"บริษัทเวชภัณฑ์ก็แค่ต้องมองหาทางไปรอบๆ โดยบางรายอาจถูกจับได้ เพราะใช้บริษัทท่องเที่ยวแห่งเดียว หรือ 3 แห่ง ดังนั้นพวกเขาก็แค่หาทางอื่น ที่จะอัดฉีดเงินเข้าไปเท่านั้น" ผู้บริหารจากบริษัทยาต่างชาติในจีนรายหนึ่งกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 1 ตุลาคม 2556
- 12 views