ผู้ปกครองโรงเรียนดังเชียงใหม่ ผวาลูกติดเชื้อจากการตรวจสุขภาพใช้เข็มร่วมกัน แจ้งความดำเนินคดีกับ บ.รับตรวจสุขภาพ พร้อมกับเรียกร้องให้ ผอ.โรงเรียนฯ ออกมารับผิดชอบ ด้าน สสจ.เชียงใหม่เตรียม 2 แผนเข้าเยียวยา...

ผู้สื่อข่าวรายงานคืบหน้ากรณีทางโรงเรียนดังแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ว่าจ้างให้บริษัทตรวจสุขภาพเอกชนแห่งหนึ่งมาตรวจสุขภาพนักเรียน และทีมแพทย์และพยาบาลบริษัทที่มาตรวจได้ใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดนักเรียนซ้ำกัน และนักเรียนหญิงยังถูกชายที่อ้างเป็นแพทย์ลวนลามจับหน้าอก ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 29 ส.ค.56น.พ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ นายพิสณฑ์ ศรีบัณฑิต เภชัชกรชำนาญการ พร้อมกับเจ้าหน้าที่เดินทางไปพบ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม โดยทางนายพิษณุ ได้เชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพร้อมกับผู้สื่อข่าวเข้าไปร่วมรับฟังด้วย โดยเริ่มเดิมนั้นทางโรงเรียนให้ความตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจสุขภาพประจำปีของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและมาตรฐานการประเมินโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ และได้ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาทุกปี โดยทางโรงเรียนได้หารือกับคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนที่จะมีการระดมเก็บเงินค่าตรวจสุขภาพของนักเรียนคนละ 100 บาท จำนวน 3,300 คนเศษ

จากนั้นทางโรงเรียนได้เรียนได้ประกาศคัดเลือกบริษัทที่มีความทางการแพทย์ยื่นซองประกวดราคา ได้มีบริษัท 4 บริษัทมาเสนอราคา พบว่า บริษัทที่มีปัญหา มีเงื่อนไขที่ดีกว่าคือ ตรวจสารเสพติดในปัสสาวะและตรวจหาโรคไวรัสบีด้วย คณะกรรมการจึงพิจารณาคัดเลือกบริษัทนี้ ต่อมาปรากฏว่า บริษัทดังกล่าวไปถูกจับที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่ จ.สระบุรี ทางผู้ปกครองได้สอบถามบุตรหลานก็เกิดความไม่สบายใจ จึงได้หารือกันกับทางสมาคมศิษย์เก่า และได้ไปแจ้งความเพื่อเอาผิดกับบริษัทดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.เมือง เชียงใหม่

นายพิสณฑ์ กล่าวว่า หลังจากที่เป็นข่าวทางไทยรัฐทาง นายแพทย์วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์ สสจ.เชียงใหม่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องนี้ และแบ่งหน้าที่กันหาข้อมูล และจากการตรวจสอบข้อมูลไปยัง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพบว่า หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ ได้มีการการไปตรวจสอบ พบว่า บริษัทดังกล่าวได้ตรวจโรคไม่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ จึงมีการดำเนินคดี 2 ข้อหา คือเป็นสถานบริการที่ไม่ได้รับอณุญาต ตาม พรบ.สถานพยาบาล 2541 และประกอบอาขีพเวชกรรม และ พรบ.เทคนิคการแพทย์ และทางกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ดีเอสไอเพื่อดำเนินการหาตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีแล้ว

เภชัชกรชำนาญการ กล่าวต่อว่า ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ทางนายแพทย์ สสจ.เชียงใหม่ ได้เรียกประชุมคณะทำงานและวางแผนเอาไว้ 2 แผนคือ แผนแรก ได้ประสานกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ นำแพทย์พยาบาลและนักจิตวิทยา เข้ามาเยียวยานักเรียนครูและบุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียน ที่อาจไม่สบายใจ หรือกังวลใจต่อสุขภาพของตนเอง โดยแพทย์อาจจะมีการบริการตรวจเช็คเลือดให้ฟรี และรอฟังผลได้เลยรวมทั้งการคำคำปรึกษาที่ถูกวิธีอีกด้วย และในแผน 2 คือทาง สสจ.เชียงใหม่ จะลงพื้นที่สอบถามพยานแวดล้อมและนักเรียน ครู ทั้งหมด เพื่อนำหลักฐานไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทตรวจสุขภาพดังกล่าวในทางอาญาอีกทางหนึ่งด้วยนายพิสณฑ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายทางการแพทย์ ผู้ที่มีสิทธิ์เจาะเลือดได้นั้น ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่เรียนจบมาทางเทคนิคการแพทย์หรือพยาบาลเท่านั้น ส่วนการที่ให้ชายที่อ้างว่าเป็นแพทย์ชาย ล้วงจับหน้าอกนักเรียนหญิงนั้น ตามภาพที่ผู้ปกครองถ่ายมานั้น หากเป็นนายแพทย์จริง อาจจะเป็นการฟังปอดโดยต้องใช้หูฟังช่วย แต่ดูจากภาพถ่ายของผู้ปกครองแล้ว ก็น่าจะเข้าข่ายการล่วงละเมิดหรือการกระทำอนาจารได้ ต้องรอสอบถามนักเรียนที่ถูกกระทำอีกครั้ง ซึ่งจากการลงพื้นที่ในวันนี้ ก็นำเรื่องทั้งหมดกลับไปเสนอให้ทาง สสจ.เชียงใหม่ เพื่อได้ดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ได้มีเครือข่ายของผู้ปกครองจำนวนหนึ่ง เกิดความไม่พอใจ ที่ลูกหลานของตนถูกกระทำโดยขาดครูผู้ดูแล ปล่อยให้บริษัทตรวจสุขภาพใช้เข็มร่วมกัน และลวนลามเด็กนักเรียนหญิง จึงได้นัดรวมตัวกันที่โรงเรียนในตอนเย็นวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้ทาง ผอ.โรงเรียนออกมารับผิดชอบต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดอีกด้วย

ที่มา: http://www.thairath.co.th