นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดประชุมวิชาการสาธารณสุขแห่งชาติ ครั้งที่ 14 และการประชุมวิชาการสาธารณสุขนานาชาติ ครั้งที่ 6 เรื่อง "มุมมองเชิงนิเวศน์ในงานสาธารณสุขเพื่อการพัฒนาอย่าง ยั่งยืน : การเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงและความท้าทาย" (Ecological Perspectives in Public Health for Sustainable Development : Changes, Risks and Challenges) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นักวิชาการ นักวิจัย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข สถาบันการศึกษาด้านสาธารณสุข และผู้สนใจทั่วไป ทั้งชาวไทย และนานาชาติ ประมาณ 700 คน เพื่อนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนางาน สาธารณสุข เสนอแนะต่อการพัฒนาทั้งระบบบริการสุขภาพและ นโยบายสาธารณสุข เพื่อจัดการกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ในทุกมิติ ซึ่งเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน การบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาแห่งสหัสวรรษในปีพ.ศ.2558 เพื่อพัฒนาเป็นครือข่าย ในการดำเนินการร่วมกันระหว่างสถาบันวิชาการด้านการสาธารณสุข กับองค์กรภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ตอบสนองต่อการจัดการด้านสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และอยู่ในทิศทางเดียวกัน
นายแพทย์ประดิษฐ กล่าวว่า ในการกำหนดนโยบายด้านสุขภาพต่างๆ ลำพังเพียงกระทรวงสาธารณสุขหน่วยงานเดียว ไม่สามารถกำหนดนโยบายของประเทศไทยได้สำเร็จ เนื่องจากโลก มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา เกิดจากมนุษย์เรากระทำมากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ธรรมชาติเองก็พยายามที่จะรักษา สมดุลของสิ่งแวดล้อม ซึ่งบางครั้งธรรมชาติก็รักษาไว้ไม่ไหว ทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น กรณีของไข้เลือดออก ยุงลายที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากผลของการเปลี่ยนแปลงจากปรากฏการณ์ โลกร้อน เป็นต้น ความเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบภายนอกทั้งจากสังคม หรือจากธรรมชาติ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน ดังนั้นในการทำงานของนักวิชาการสาธารณสุขซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ต่างๆ จึงต้องมีการปรับการทำงานแนวใหม่ เพิ่มงานเชิงรุกเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดผลกระทบกับสุขภาพ เนื่องจากมุมมองการทำงานที่ทำมาตลอดคือเชิงตั้งรับ มองปัญหาในเชิงรับ คือแก้เมื่อปัญหาเกิดแล้วการป้องกันก่อนเกิดปัญหามีน้อยมาก
"ในการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ในปัจจุบันและ อนาคต ได้มอบนโยบายให้เปลี่ยนมุมมองเชิงรับ เป็นเชิงรุก โดยใช้ องค์ความรู้อย่างเป็นระบบ มีฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐานของประเทศที่ชัดเจน เพื่อใช้แก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที เช่น ปรากฏการณ์ท่อน้ำมันดิบรั่วในทะเล ที่จังหวัดระยองที่ผ่านมา จะต้องมีการรวบรวมองค์ความรู้ วิชาการ สามารถใช้อ้างอิง มีขบวนการสื่อสารให้ความรู้ ที่เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้ทั้งในระดับพื้นที่ ระดับประเทศ นานาชาติ ทำให้ประชาชน ไม่ตระหนก แต่มีความตระหนักในปัญหา"
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 20 สิงหาคม 2556
- 2 views