"อาร์เอสยู" อ้าแขนรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ปั้นศูนย์การแพทย์รับรักษาแบบครบวงจร รับการเปิดตลาดเออีซี พร้อมลงทุน 100 ล้านผุดศูนย์แห่งใหม่ ขณะที่ด้านการรักษาเตรียมขยายการให้บริการแพทย์ทางเลือก ที่ร่วมมือกับม.รังสิต และมหาวิทยาลัยในประเทศจีน
นายอภิวัฒ อุไรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอสยู เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและศูนย์ป้องกันก่อนเกิดโรค อาร์เอสยู ในเครือมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เพื่อเป็นการขยายธุรกิจรองรับกับการเปิดเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 บริษัทก็ยินดีและพร้อมจะเปิดรับการร่วมลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาให้ศูนย์มีศักยภาพและความแข็งแกร่งในด้านการเป็นศูนย์การรักษาแบบครบวงจร และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งบริษัทไม่ได้จำกัดรูปแบบของการลงทุนว่าจะต้องถือหุ้นใหญ่ หรือจะต้องใช้แบรนด์ของบริษัท
"ตอนนี้มีกลุ่มทุนต่างประเทศที่สนใจจะเข้าร่วมทุนกับบริษัท ทั้งนักลงทุนในกลุ่มอาเซียน และประเทศในตะวันออกกลาง เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของประเทศไทย และความพร้อมด้านการแพทย์ ซึ่งรูปแบบการร่วมทุนบริษัทไม่มีข้อจำกัด ขึ้นอยู่กับการเจรจาที่จะได้รับประโยชน์ร่วมกัน โดยการเปิดรับการลงทุนนั้น ถือเป็นโอกาสในการรองรับกับตลาดต่างประเทศที่จะเข้ามามากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีโอกาสในการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี รวมถึงการใช้เครือข่ายของผู้ร่วมทุนในต่างประเทศด้วย" นายอภิวัฒิ กล่าวและว่า
เมื่อมีการเปิดตลาดเออีซีแล้ว หลายอาชีพสามารถเข้าเคลื่อนย้ายการทำงานได้ อาทิ แพทย์และพยาบาล ซึ่งอาจจะทำให้ธุรกิจเฮลท์แคร์มีการแข่งขันสูงขึ้น แต่ทางศูนย์ก็วางแผนในการรองรับกับการแข่งขันและการขยายตัวของจำนวนผู้ใช้บริการที่จะเพิ่มมากขึ้น ด้วยการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพเพื่อรองรับกับชาวต่างชาติที่จะเข้ามารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น โดยมีความเป็นสากลในด้านการให้บริการและการต้อนรับ อาทิ การเพิ่มบุคลากรที่มีความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ อาทิ ภาษาตะวันออกกลาง ภาษาเมียนมาร์ เป็นต้น นอกเหนือจากการใช้ภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขยายศูนย์ด้วยการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ เนื่องจากพื้นที่ของศูนย์ปัจจุบันที่อยู่ภายในอาคารอาร์เอสยู ทาวเวอร์ ปัจจุบันมีพื้นที่จำกัด ไม่สามารถรองรับกับเครื่องมือแพทย์และการขยายการให้บริการได้ โดยบริษัทคาดว่าจะลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาที่ดินในบริเวณพื้นที่โซนถนนสุขุมวิท หรือถนนรัชดาภิเษก คาดว่าในปีหน้าบริษัทจะเริ่มการลงทุนและก่อสร้างได้
นายอภิวัฒ กล่าวอีกว่า ทางศูนย์มีแผนที่จะเพิ่มสาขาของการรักษาพยาบาล ในส่วนของแพทย์ทางเลือก ที่จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศจีน และมหาวิทยาลัยรังสิต เนื่องจากปัจจุบันผู้ป่วยมีความต้องการใช้ศาสตร์แพทย์แผนตะวันออกรักษาร่วมกับแพทย์แผนตะวันตก อาทิ ด้านการกายภาพบำบัด หรือการใช้สมุนไพร เป็นต้น ซึ่งคาดว่าปลายปีหน้าจะเริ่มให้บริการได้ นอกจากนี้ ทางศูนย์ยังมีแผนที่จะเพิ่มการรักษา สำหรับโรคมะเร็งและหัวใจในอนาคตด้วย แต่ปัจจุบันยังติดปัญหาเรื่องพื้นที่ในการติดตั้งเครื่องมือทางการแพทย์
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทนั้น ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ 70 ล้านบาท ส่วนปีหน้าบริษัทคาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ในอัตรา 20% ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าองค์กรและลูกค้าทั่วไปราว 1 หมื่นราย โดยแนวทางการทำตลาดจะเน้นกลยุทธ์ ไดเร็กต์มาร์เก็ตติ้ง การออกบูธ ร่วมงานแฟร์ การจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกรมส่งออก ในการโรดโชว์ในต่างประเทศ เช่น ประเทศเมียนมาร์ เป็นต้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 18 - 21 ส.ค. 2556--
- 4 views