รมว.สธ.มอบนโยบายนักวิชาการด้านสาธารณสุขทั่วประเทศ เครือข่ายสถาบันศึกษาด้านสุขภาพ ปรับกระบวนการทำงานแนวใหม่ในโลกยุคข่าวสารเพิ่มงานเชิงรุกในการแก้ปัญหาสุขภาพ ทั้งที่เกิดจากคนทำและจากธรรมชาติ จัดทำฐานองค์ความรู้มาตรฐานทางวิชาการเป็นเครือข่าย ช่วยลดความเสี่ยงทางสุขภาพ ประชาชนไม่ตระหนก แต่มีความตระหนักในปัญหา
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2556 ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดประชุมวิชาการสาธารณสุขแห่งชาติครั้งที่ 14 และการประชุมวิชาการสาธารณสุขนานาชาติ ครั้งที่ 6 เรื่อง “มุมมองเชิงนิเวศน์ในงานสาธารณสุขเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน: การเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงและความ ท้าทาย” (Ecological Perspectives in Public Health for Sustainable Development: Changes, Risks and Challenges) โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นักวิชาการ นักวิจัย บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข สถาบันการศึกษาด้านสาธารณสุข และผู้สนใจทั่วไป ทั้งชาวไทย และนานาชาติ ประมาณ 700 คน เพื่อนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกับการพัฒนางานสาธารณสุข เสนอแนะต่อการพัฒนาทั้งระบบบริการสุขภาพและนโยบายสาธารณสุข เพื่อจัดการกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ในทุกมิติ ซึ่งเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษในปีพ.ศ.2558 เพื่อพัฒนาเป็นครือข่ายในการดำเนินการร่วมกันระหว่างสถาบันวิชาการด้านการสาธารณสุข กับองค์กรภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ตอบสนองต่อการจัดการด้านสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และอยู่ในทิศทางเดียวกัน
นายแพทย์ประดิษฐกล่าวว่า ในการกำหนดนโยบายด้านสุขภาพต่างๆ ลำพังเพียงกระทรวงสาธารณสุขหน่วยงานเดียว ไม่สามารถกำหนดนโยบายของประเทศไทยได้สำเร็จ เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา เกิดจากมนุษย์เรากระทำมากกว่าการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ธรรมชาติเองก็พยายามที่จะรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม ซึ่งบางครั้งธรรมชาติก็รักษาไว้ไม่ไหว ทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น กรณีของไข้เลือดออก ยุงลายที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากผลของการเปลี่ยนแปลงจากปรากฎการณ์ โลกร้อน เป็นต้น ความเปลี่ยนแปลงจากผลกระทบภายนอกทั้งจากสังคม หรือจากธรรมชาติ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน ดังนั้นในการทำงานของนักวิชาการสาธารณสุขซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ต่างๆ จึงต้องมีการปรับการทำงานแนวใหม่ เพิ่มงานเชิงรุกเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดผลกระทบกับสุขภาพ เนื่องจากมุมมองการทำงานที่ทำมาตลอดคือเชิงตั้งรับ มองปัญหาในเชิงรับ คือแก้เมื่อปัญหาเกิดแล้วการป้องกันก่อนเกิดปัญหามีน้อยมาก
“ในการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ในปัจจุบันและอนาคต ได้มอบนโยบายให้เปลี่ยนมุมมองเชิงรับ เป็นเชิงรุก โดยใช้องค์ความรู้อย่างเป็นระบบ มีฐานข้อมูลที่เป็นมาตรฐานของประเทศที่ชัดเจน เพื่อใช้แก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที เช่น ปรากฏการณ์ท่อน้ำมันดิบรั่วในทะเล ที่จังหวัดระยองที่ผ่านมา จะต้องมีการรวบรวมองค์ความรู้ วิชาการ สามารถใช้อ้างอิง มีขบวนการสื่อสารให้ความรู้ ที่เป็นที่เชื่อมั่นของประชาชนได้ทั้งในระดับระดับพื้นที่ ระดับประเทศ นานาชาติ ทำให้ประชาชนไม่ตระหนก แต่มีความตระหนักในปัญหา” นายแพทย์ประดิษฐกล่าว
- 17 views