“สุดารัตน์”เปิดใจไม่เคยสั่งการยกเลิกโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์กระทรวงสาธารณสุขโดยมิชอบ แจงยิบเหตุยกเลิกโครงการเพราะสเปกสินค้าไม่ผ่านคุณสมบัติทีโออาร์ อ้างคำสั่งศาลปกครองการันตีความบริสุทธิ์
วันที่ 24 มิ.ย.56 ที่บ้านซอยลาดปลาเค้า 60 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงชี้แจงกรณีป.ป.ช.จะลงมติชี้มูลความผิดกรณีการยกเลิกโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ กระทรวงสาธารณสุข โดยมิชอบ สมัยเป็นรมว.สาธารณสุขว่า ทำการเมืองมา 20 ปี อยู่มาหลายกระทรวง ไม่เคยมีเรื่องการทุจริต หรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจการยกเลิกโครงการเนื่องจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เห็นว่า บริษัทที่เข้าร่วมประมูลเสนอสินค้าที่มีคุณสมบัติต่ำกว่าที่ทีโออาร์กำหนดทั้งเรื่องหน่วยความจำ ความเร็ว และระบบไฟสำรองของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสาระสำคัญในการจัดซื้อ จึงยกเลิกโครงการได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อยกเลิกโครงการก็คืนงบประมาณทั้งหมด 900 ล้านบาทให้กระทรวงการคลัง โดยไม่มีการจัดซื้อแม้แต่เครื่องเดียว ไม่ได้ทำให้ราชการเสียหาย
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า อย่างไรก็ตามหลังการปฏิวัติกลับถูกกล่าวหาจากผู้มีอำนาจในขณะนั้นว่า ยกเลิกการจัดซื้อโครงการดังกล่าวโดยมิชอบ มีการยื่นเรื่องให้ป.ป.ช.ตรวจสอบ ระหว่างนั้นมีบริษัทเอกชนไปยื่นฟ้องตนต่อศาลปกครองว่า ยกเลิกโครงการโดยมิชอบ ในที่สุดศาลปกครองมีคำพิพากษาเมื่อปี 2553 ว่าการยกเลิกการประกวดราคาเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของทางราชการ แต่ป.ป.ช.กลับยังพิจารณาคดีต่อไป ระหว่างสู้คดีกับป.ป.ช. มีกลุ่มบุคคล 3 คน เป็นพยานเท็จไปให้การกับป.ป.ช. หนึ่งในนั้นเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง ทำให้กลุ่มข้าราชการที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ร่วมกับตนไปยื่นเรื่องฟ้องศาลอาญาดำเนินคดีกับพยานเท็จกลุ่มนี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค.56ศาลมีคำตัดสินให้จำคุกอดีตข้าราชการระดับสูงคนนี้ข้อหาให้การเท็จเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอลงอาญา มั่นใจว่า ตลอดเวลา 7 ปีที่ต่อสู้คดีมา ไม่ได้ทำผิด
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่ป.ป.ช.ระบุว่า ตนเป็นผู้ออกคำสั่งให้ข้าราชการยกเลิกกาประมูลโครงการโดยมิชอบนั้น ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่า ไม่ได้สั่งการใดๆ ขณะนั้นเรื่องยังมาไม่ถึงตนด้วยซ้ำ และช่วงที่มีการยกเลิกโครงการ ตนถูกย้ายไปอยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว อีกทั้งคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ยืนยันตรงกันว่าไม่ได้เป็นคนสั่งการ ทั้งนี้มีข้อมูลว่า ระหว่างที่มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อคอมพิวเตอร์กระทรวงสาธารณสุขนั้น มีรัฐมนตรีขณะนั้นคนหนึ่ง พยายามบีบบังคับเรียกข้าราชการเหล่านี้ไปเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ปรักปรำนักการเมืองว่า เป็นผู้สั่งการยกเลิกโครงการ แต่ข้าราชการกลุ่มนี้ไม่ทำตามและยังอัดเทปบันทึกเสียงรัฐมนตรีผู้นี้ไว้ด้วย ซึ่งตนได้ส่งหลักฐานชิ้นนี้ให้ป.ป.ช.ไปประกอบการพิจารณาแล้ว
“อยากขอความเป็นธรรรมจากกรรมการป.ป.ช.ที่เหลือ คดีนี้เหมือนตราบาปของดิฉัน ที่ผ่านมาเสียความรู้สึกเรื่องนี้มา 7 ปี แม้ป.ป.ช.จะตัดสินคดีออกมาอย่างไร ก็คงไม่ทันต่อสิ่งที่สังคมได้รับรู้ไป แต่ก็อยากขอความเป็นธรรมจากป.ป.ช.ให้พิจารณาโดยยึดหลักกฎหมายด้วย หลังจบคดีนี้จะเขียนหนังสือถึงเบื้องหลังคดีร่วมกับหมอในคดีนี้อีก 20คนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันเพื่อสะท้อนถึงกระบวนการยุติธรรม”
คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวถึงอนาคตทางการเมืองว่า ได้ตั้งปณิธานว่า ยังไม่ปรารถนากลับเข้ามาทำงานการเมืองเต็มตัว จนกว่าจะทำโครงการบูรณลุมพินีสถานที่ประเทศเนปาลสำเร็จก่อน เพราะสัญญาไว้กับตัวเองว่า จะทำโครงการนี้ให้เสร็จ จากนั้นค่อยมาคิดว่า จะกลับมาทำงานการเมืองต่อหรือไม่ ส่วนกระแสข่าวการปรับครม.ในขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับจริงหรือไม่ แต่อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วม โดยที่ไม่ต้องรับตำแหน่งทางการเมือง ก็พร้อมจะทำ ขอโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทำงานบ้าง ส่วนที่บอกว่า จะหนีไปเรียนปริญญาเอก ด้านศาสนา เพราะเครียดกับคดีของป.ป.ช.นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเป็นความตั้งใจของตนมานานแล้วว่า อยากจะเรียนปริญญาเอก ด้านศาสนา
ที่มา: http://www.siamrath.co.th
- 5 views