สาธารณสุขเร่งผลักดันประกันสุขภาพเพื่อนบ้านก่อนเปิดอาเซียน หลังพบต่างด้าวทะลักชายแดน
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีชาวต่างด้าวเข้ามารับการรักษาบริเวณชายแดนไทยค่อนข้างมาก จึงต้องดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ก่อนที่จะเปิดประชาคมอาเซียนโดยจะมีชาวต่างด้าวเข้ามารับการรักษาแถบชายแดนเพิ่มขึ้น
สำหรับระยะยาวต้องผลักดันให้ประเทศเพื่อนบ้านมีระบบสุขภาพที่ดีผ่านการมีระบบประกันสุขภาพ โดยรัฐบาลไทยอาจเจรจาระหว่างรัฐบาล (จีทูจี) จัดตั้งกองทุนชั่วคราวช่วยประเทศเพื่อนบ้านพัฒนาโครงสร้าง และการบริหารจัดการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบประกันสุขภาพ
ขณะที่ระยะสั้นต้องเร่งให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลแถบชายแดนระหว่างรอประเทศเพื่อนบ้านมีระบบประกันสุขภาพเช่น จัดสรรงบประมาณอุดหนุนแก่โรงพยาบาลต่างๆ ให้มีสภาพคล่องมากขึ้นในการช่วยเหลือทุกคนที่สมควรได้รับสิทธิ
อย่างไรก็ตาม อาจต้องจัดเก็บค่าบริการจากชาวต่างด้าวบ้าง แม้จะเก็บได้น้อยก็ตาม เพราะปัจจุบันกระทรวงใช้งบประมาณดูแลชาวต่างด้าวปีละหลายร้อยล้านบาท เฉพาะที่ จ.ตาก แห่งเดียวก็มากกว่าร้อยล้านบาทแล้ว สำหรับปีงบประมาณ 2556 ได้จัดสรรงบประมาณให้โรงพยาบาลชายแดนแล้ว 310 ล้านบาท
นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า จ.ตาก มีชายแดนติดกับพม่า 5 อำเภอ มีหมู่บ้านคู่ขนานของชาวพม่า 10 หมู่บ้าน ขณะที่ปี 2555 มีแรงงานต่างด้าวซื้อประกันสุขภาพ32,154 คน มีงบรักษาพยาบาลแรงงานต่างด้าว 29.39 ล้านบาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่ให้บริการรักษาพยาบาลแรงงานต่างด้าวที่มีบัตร รวม 16.98 ล้านบาท ส่วนแรงงานต่างด้าวไม่มีบัตร 112.27 ล้านบาท
ทั้งนี้ โรคที่สำคัญ 5 อันดับแรก ได้แก่วัณโรค เอดส์ โรคติดต่อทางเดินหายใจโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ ทั้งยังพบโรคมาลาเรีย ไข้เลือดออก หัด อีสุกอีใสส่วนโรคที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา คือ อุจจาระร่วง ปอดบวม อาหารเป็นพิษ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 17 มิถุนายน 2556
- 1 view