หวัดนกจีนลามข้ามไปไต้หวัน เอเชียแตกตื่นหนักสั่งสกัด-ตรวจเข้ม อนามัยโลกชี้เป็นไวรัสร้ายสุดที่เคยพบ

ผวาหวัดนกสายพันธุ์ใหม่ในจีนระบาดข้ามประเทศแล้วหลังพบผู้ติดเชื้อในไต้หวัน

การระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 เริ่มทวีความรุนแรง ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อนอกจีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรกที่เกาะไต้หวัน เป็นผู้ป่วยชายวัย 53 ปี เพิ่งเดินทางกลับจากมณฑลเจียงซูในภาคตะวันออกของจีน ส่งผลให้หลายประเทศในเอเชียประกาศยกระดับมาตรการเฝ้าระวังไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่อย่างเข้มงวดทันที พร้อมตั้งด่านตรวจวัดอุณหภูมิที่สนามบิน โดยเฉพาะเที่ยวบินขาเข้าจากจีน

จางเฟิงยี่ เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมโรคระบาดไต้หวัน กล่าวว่า ได้ติดตั้งจอตรวจวัดอุณหภูมิและตรวจอาการไข้นักเดินทางในห้องโดยสารขาเข้า ขณะที่สายการบินไต้หวันได้งดเสิร์ฟเนื้อเป็ดและไก่บนเที่ยวบินแล้ว

ด้านเวียดนามได้สั่งตั้งด่านตรวจในสนามบินเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกันญี่ปุ่นที่เพิ่งอนุมัติให้มีการตั้งด่านตรวจวัดอุณหภูมิภายในสนามบินและท่าเรือ โดยเฉพาะสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาจากจีน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือน พ.ค.นี้

ขณะที่บริษัท ชาร์ป หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ของญี่ปุ่นได้ออกประกาศเตือนพนักงานให้ระวังเป็นพิเศษในการเดินทางเยือนจีน พร้อมหลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ปีกโดยตรง รวมถึงสวมหน้ากากป้องกัน

ด้านสิงคโปร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลยังคงเฝ้าระวังและจับตาดูสถานการณ์การระบาดอย่างใกล้ชิด

รอยเตอร์สรายงานว่า ผู้ประกอบการหลายแห่งในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศจีน รวมถึงบริษัท เทค มหินทรา ของอินเดีย ยังไม่ได้เพิ่มกฎระเบียบคุมเข้มใดๆ แต่ได้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังพร้อมประเมินสถานการณ์รายวัน

นอกจากนี้ รัฐบาลหลายประเทศในเอเชียได้มีคำสั่งห้ามการนำเข้าสัตว์ปีกจากจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรัฐมนตรีเกษตรเวียดนามระบุว่า ได้ห้ามนำเข้าสัตว์ปีกทุกชนิดตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์สั่งยกระดับมาตรการให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์ปีก รวมถึงนกพิราบและเป็ดปักกิ่งจากจีน

ด้านองค์การอนามัยโลก (ฮู) ได้เตือนว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่เอช 7 เอ็น 9 ที่กำลังระบาดในจีนอยู่ในขณะนี้ ถือเป็นหนึ่งในไวรัสที่มีอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตมากที่สุดเท่าที่มีการค้นพบ

ขณะนี้ ข้อมูลจากทางการจีนระบุว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสเอช 7 เอ็น 9 ในประเทศแล้วทั้งสิ้น 109 ราย โดยรวมถึงยอดผู้เสียชีวิตซึ่งเพิ่มมาอยู่ที่ 23 ราย ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในเขตนครเซี่ยงไฮ้ และบริเวณมณฑลใกล้เคียงทางภาคตะวันออกของประเทศเช่น มณฑลเจียงซู ที่ตั้งโรงงานผลิตแล็ปท็อปและอุปกรณ์ไฟฟ้าของผู้ผลิตไต้หวัน

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 26 เมษายน 2556