แพทยสภาดันไทยก้าวสู่ศูนย์กลางศัลยกรรมตกแต่งแห่งเอเชีย รับที่ผ่านมาประชาสัมพันธ์น้อยสู้เกาหลียาก เตือนคนไทยแห่ทัวร์เสริมความงามเกาหลี ไม่มีสัญญาลายลักษณ์อักษรควรหลีกเลี่ยง ด้านคลินิกไทยหัวหมออาศัยแพทย์กิมจิเข้าไทยดึงลูกค้า
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา แถลงข่าว "ชูประเทศไทย เมืองหลวงศัลยกรรมความงาม" ว่า ข้อมูลของสมาคมเสริมความงามนานาชาติ ระบุว่า ปริมาณการทำศัลยกรรมในกลุ่มภูมิภาคเอเชียพบว่า จีนมีสัดส่วนการทำศัลยกรรมสูงสุด ตามด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ล้วนมาทำที่ประเทศไทย ขณะที่สหรัฐอเมริกาและฝั่งยุโรป ตกปีละประมาณร้อยละ 10 โดยส่วนใหญ่จะนิยมศัลยกรรมจมูกและกรีดตา ขณะที่การผ่าตัดแปลงเพศก็ไม่น้อย หน้า ขนาดสภาผู้แทนราษฎรของประเทศโปแลนด์ ยังสนใจ โดยจุดแข็งของไทยด้านศัลยกรรมตกแต่ง เป็นที่ยอมรับมาก เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีการประชาสัมพันธ์ เหมือนอย่างประเทศเกาหลี จึงอยากให้ภาครัฐออกนโยบายเร่งด่วน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจศัลยกรรมความงามที่มีช่องทางเติบโตสูงด้วยการสนับสนุนธุรกิจสุขภาพและความงาม ในรูปแบบของทัวร์ศัลยกรรมทั้งระบบ และร่วมผลักดันให้ไทยก้าวสู่ศูนย์กลางด้านศัลยกรรมตกแต่งของเอเชีย
"ปัจจุบันมีธุรกิจนำทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี ซึ่งหากผลลัพธ์ไม่ดี ธุรกิจนั้นๆ อาจไม่รับผิดชอบ ซึ่งทางแพทยสภาก็ไม่สามารถเอาผิด เพราะเป็นความสมัครใจของผู้ไปทำเอง แต่หากเป็นกรณีคลินิกไทยไปรับแพทย์ต่างชาติมาทำศัลยกรรม หากมีข้อผิดพลาด แต่แพทย์ต่างชาติกลับประเทศไป คลินิกไทยต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ส่วนแพทย์ต่างชาติที่เข้ามาหากไม่ได้รับอนุญาตจากแพทยสภาก็ถือว่าผิดเช่นกัน" นพ.สัมพันธ์กล่าว
นพ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ นายกสมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์เพื่อการเสริมสวยประเทศไทย กล่าวว่า หากต้องการไปกับทัวร์ศัลยกรรมเกาหลี ต้องสอบถามให้ดีว่า หากเกิดข้อผิดพลาด จะรับผิดชอบพาบินกลับไปแก้ไขด้วยหรือไม่ และการแก้ไขการทำศัลยกรรมจะต้องทำอีกกี่ครั้งจึงจะแล้วเสร็จ ต้องสอบถามและทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า มีคนไทยที่ไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ด้วยการร้อยไหม ปรากฏว่ากลับมาไทยหน้าบวม ช้ำ บ้างไปเสริมจมูกก็มีปัญหาเบี้ยว ทะลุ ซึ่งผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หมดไม่ว่าจะทำศัลยกรรมที่ประเทศไหน อย่างประเทศไทยก็มีโอกาส เพราะการทำศัลยกรรมหรือการรักษาใดๆ ย่อมมีผลข้างเคียงไม่มากก็น้อย แต่หากทำที่ประเทศไทยการแก้ไขจะง่ายกว่า
ทั้งนี้ ในวันที่ 2-3 มีนาคมนี้ ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ แพทยสภา ร่วมกับสมาคมศัลยกรรมตกแต่งฯ จัดงานประชุมวิชาการเชิงปฏิบัติการแพทย์ด้านศัลยกรรม และเวิร์กช็อปครั้งแรกในภูมิภาคเอเชีย โดยปีนี้จะเน้นการเสริมจมูก ฉีดจมูก รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาจากการศัลยกรรมจมูก
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556
- 107 views