นพ.สมปรารถน์ หมั่นจิตต์ ผอ.ร.พ.สมเด็จพระยุพราช (รพร.) เชียงของ จ.เชียงราย กล่าวว่า รพร. อยู่ในเส้นทางเศรษฐกิจเชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยและลาว ไปถึงจีน แต่ขณะนี้ร.พ.ไม่มีแพทย์เฉพาะทางประจำแม้แต่สาขาเดียว มีเพียงแพทย์ทั่วไป 7 คน ขณะที่ตามข้อกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ควรจะมีแพทย์เฉพาะทางประจำอย่างน้อย 4 สาขา ได้แก่ ศัลยกรรม อายุรกรรม สูตินรีเวชกรรม และกุมารเวชกรรม สาขาละ 2 คน ทั้งนี้ ร.พ.มีทุนให้แพทย์ไปศึกษาต่อครบทั้ง 4 สาขา เป็นประจำทุกปี แต่ที่ผ่านมามีแพทย์นอกพื้นที่จ.เชียงราย ขอรับทุนกุมารแพทย์ 2 คน เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วไม่กลับมาใช้ทุนที่ร.พ.

ดังนั้นในการคัดเลือกแพทย์ปีต่อไป จะเน้นพิจารณาแพทย์ขอรับทุนที่อยู่ในพื้นที่จ.เชียงรายและพะเยาเป็นหลัก เพื่อจะได้กลับมาทำงานในพื้นที่ นอกจากนี้ แม้จะมีทุนให้ แต่ไม่มีแพทย์ขอรับทุนในบางสาขา โดยเฉพาะสูตินรีเวชฯ คาดว่าน่าจะเป็นผลจากเกิดกรณีฟ้องร้องแพทย์ที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรม ราช จากการผ่าคลอดโดยไม่มีวิสัญญีแพทย์ตามมาตรฐานทางการแพทย์ ส่งผลให้ศาลพิพากษาให้แพทย์มีความผิดทางอาญา โดยรับโทษจำคุก

นพ.สมปรารถน์ กล่าวด้วยว่า รพร.เชียงของ ไม่เพียงแต่ให้การรักษาผู้ป่วยที่เป็นคนไทยเท่านั้น แต่เนื่องจากเป็นร.พ.ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับแขวงก่อแก้ว สปป.ลาว ทำให้คนลาวข้ามฝั่งมารักษาที่ร.พ.จังหวัดไม่น้อย โดยเฉพาะการคลอด ซึ่งในจำนวนผู้ที่คลอดที่ร.พ. 400 คน เป็นคนลาวถึง 300 คน และฝากครรภ์ถึง 80 คน เป็นคนลาว 40 คน คนลาวที่เข้ารักษา หากเป็นผู้ป่วยนอกจะเก็บค่ารักษาได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเป็นผู้ป่วยใน ถ้าพักรักษาตัวในร.พ.นานกว่า 2-3 วัน จะมีปัญหาในเรื่องเก็บค่ารักษาพยาบาล ทั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะการเงินของร.พ.มากนัก แต่ละปีร.พ.มียอดการเก็บเงินไม่ได้ประมาณ 1 แสนบาท แต่ไม่เป็นภาระมากนัก

--ข่าวสด ฉบับวันที่ 12 ก.พ. 2556 (กรอบบ่าย)--