ภาคประชาสังคมที่ติดตามเรื่องการเจรจาการค้าไทยกับสหภาพยุโรป ส่งอีเมลล์เวียนเชิญชวนรณรงค์ออนไลน์ ด้วยการส่งข้อความตามจดหมายเปิดผนึกและรูปภาพไปที่หน้า fanpage ของสหภาพยุโรปในประเทศไทย ในวาระะต้อนรับการมาเยือนประเทศไทยของรองผู้แทนการค้าสหภาพยุโรป (João Aguiar Machado) เข้าพบกับรองนายกฯกิตติรัตน์ ณ ระนอง เพื่อเร่งการเจรจาเอฟทีเอกับสหภาพยุโรป

โดยจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวเริ่มต้นข้อความ ด้วยการแสดงความยินดีกับการที่สหภาพยุโรปได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพประจำปีนี้ รางวัลนี้เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ซึ่งผู้ได้รับควรปฏิบัติให้สมกับที่ได้รับรางวัลมา

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของสหภาพยุโรปในการกดดันประเทศกำลังพัฒนาต่างๆรวมทั้งประเทศไทยผ่านทางการเจรจาเอฟทีเอให้ต้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเกินไปกว่าความตกลงในองค์การการค้าโลกที่จะยืดอายุการผูกขาดยาแบรนด์เนมให้แสวงหากำไรได้สูงสุดต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด, ทำลายอุตสาหกรรมยาชื่อสามัญผ่านการคุ้มครองข้อมูลทางยา (Data Exclusivity) และการยึดจับสินค้า ณ ท่าชายแดน ผ่านมาตรการที่เรียกว่า Border Measure, ทำลายความมั่นคงทางอาหารด้วยสนธิสัญญา UPOV 1991 และสนธิสัญญาบูดาเปส,  จำกัดสิทธิของประเทศในการกำหนดนโยบายสาธารณะเกี่ยวกับสาธารณสุขและการคุ้มครองผู้บริโภคด้วยการเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติฟ้องร้องผ่านอนุญาโตตุลาการเพื่อล้มนโยบายเหล่านั้น, และเปิดทางให้สินค้าทำลายสุขภาพ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ มาขายในประเทศกำลังพัฒนาอย่างปลอดจากการควบคุม ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นบ่อนทำลายสันติภาพในสังคมของประเทศกำลังพัฒนา

โดยตอนท้ายของจดหมายเปิดผนึกได้เรียกร้องให้รองผู้แทนการค้าสหภาพยุโรปประกาศต่อสาธารณชนว่า สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกจะรับรองว่า ผู้เจรจาของคณะกรรมาธิการยุโรปจะขจัดประเด็นต่างๆเหล่านี้ ในการเจรจาความตกลงต่างๆในปัจจุบันและอนาคตที่จะมีกับประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และเพื่อชีวิตของประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา

ข้อความรณรงค์

เรียน รองผู้แทนการค้าสหภาพยุโรป (João Aguiar Machado)

พวกเราภาคประชาสังคมไทยขอแสดงความยินดีกับการที่สหภาพยุโรปได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพประจำปีนี้ รางวัลนี้เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ซึ่งผู้ได้รับควรปฏิบัติให้สมกับที่ได้รับรางวัลมา

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของสหภาพยุโรปในการกดดันประเทศกำลังพัฒนาต่างๆรวมทั้งประเทศไทยผ่านทางการเจรจาเอฟทีเอให้ต้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเกินไปกว่าความตกลงในองค์การการค้าโลกที่จะยืดอายุการผูกขาดยาแบรนด์เนมให้แสวงหากำไรได้สูงสุดต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด, ทำลายอุตสาหกรรมยาชื่อสามัญผ่านการคุ้มครองข้อมูลทางยา (Data Exclusivity) และการยึดจับสินค้า ณ ท่าชายแดน ผ่านมาตรการที่เรียกว่า Border Measure, ทำลายความมั่นคงทางอาหารด้วยสนธิสัญญา UPOV 1991 และสนธิสัญญาบูดาเปส,  จำกัดสิทธิของประเทศในการกำหนดนโยบายสาธารณะเกี่ยวกับสาธารณสุขและการคุ้มครองผู้บริโภคด้วยการเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติฟ้องร้องผ่านอนุญาโตตุลาการเพื่อล้มนโยบายเหล่านั้น, และเปิดทางให้สินค้าทำลายสุขภาพ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ มาขายในประเทศกำลังพัฒนาอย่างปลอดจากการควบคุม ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นบ่อนทำลายสันติภาพในสังคมของประเทศกำลังพัฒนา

ดังนั้น เราขอเรียกร้องให้ท่านประกาศต่อสาธารณชนว่า สหภาพยุโรปและประเทศสมาชิกจะรับรองว่า ผู้เจรจาของคณะกรรมาธิการยุโรปจะขจัดประเด็นต่างๆเหล่านี้ ในการเจรจาความตกลงต่างๆในปัจจุบันและอนาคตที่จะมีกับประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และเพื่อชีวิตของประชาชนในประเทศกำลังพัฒนา

ภาพรณรงค์

 

ที่มา : www.prachatai.com