"ดีเคเอสเอช" มั่นใจศักยภาพตลาดยาเมืองไทยโตต่อเนื่อง เดินหน้าหาพาร์ตเนอร์นำเข้ายาเพิ่มทั้งจากยุโรป เอเชีย ชี้แนวโน้มยาเกี่ยวกับผู้สูงอายุและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวส่งสัญญาณโต เร่งนำเข้าเพิ่มรองรับ ขณะที่ สธ. ออกกฎขึ้นบัญชีห้ามใช้ยานอก ยังไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ คาดทั้งปีโกยรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 10%

ดร.อภิชัย อภิรัตนพิมลชัย  ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยา, ผลิต ภัณฑ์เพื่อสุขภาพ  เปิดเผยว่า ภาพรวมของการนำเข้ายาจากต่างประเทศยังเติบ โตต่อเนื่องทุกปี ทั้งในส่วนของโรงพยาบาล รัฐ, โรงพยาบาลเอกชน และร้านขายยาสมัยใหม่ และมีสัดส่วนยานำเข้าราว 60-70% และมีแนวโน้มขยายเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ความต้องการยาใหม่ๆ ในประ เทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาครัฐ มุ่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเมดิคัล ฮับ จะมีส่วนช่วยให้เกิดการโปรโมตทำให้มีผู้สนใจ เดินทางเข้ามารับการรักษาในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการนำเข้ายาใหม่ๆ ขยายตัวตามไปด้วย

"โอกาสที่ตลาดยาเมืองไทยจะขยาย ตัวได้เกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความพร้อม ของหน่วยงานภาครัฐ ที่เป็นผู้ควบคุมดูแล หากลดขั้นตอนต่างๆ ในการขออนุญาต ใช้เวลาในการพิจารณารวดเร็ว ฯลฯ ก็จะสามารถเข้ามาดำเนินการได้เร็ว นอกจากนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 แต่ไทยก็สามารถขยายการลงทุนออกไปได้ด้วยเช่นกัน"

อย่างไรก็ดี การที่ภาครัฐขึ้นบัญชีห้ามใช้ยานำเข้าในหลายรายการ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะบริษัทมียานำเข้าอื่นเข้ามาชดเชย ขณะที่แนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคไทยในอนาคต มีความต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิว รวมทั้งยาสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ยาความดันโลหิต, ยาหลอดเลือด, ยามะเร็ง เป็นต้น

จุดเด่นของดีเคเอสเอช คือ ให้บริการครบวงจร สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาขยายการลงทุนในเมืองไทย ทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่าย ให้บริการนำเข้า  และ จัดจำหน่าย รวมทั้งการขึ้นทะเบียนยา การติดต่อลูกค้า โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาทำให้ลูกค้าสามารถลดระยะเวลาในการยื่นขอขึ้นทะเบียนยาได้รวดเร็วขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำเข้ายาประเภทต่างๆ กว่า 100 รายการ จากผู้ผลิตทั้งในยุโรป  อเมริกา และเอเชีย และล่าสุดสมาคม เภสัชกรรมเมืองชิกะ ประเทศญี่ปุ่น  ธนาคาร ชิกะ และกรมสาธารณสุขเมืองชิกะ ได้เดินทางเข้ามาศึกษาธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์ยารักษาโรค กฎข้อบังคับ โอกาสและศักยภาพของตลาดยา ในเมืองไทยด้วย

ด้านนายโคอิชิ โอกะ รองประธานอำนวยการบริหาร จาก ชิกะ ฟาร์มาซูติคอล แอสโซซิเอชั่น และประธานอำนวยการโทโย คะงะคุ กล่าวว่า การมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ได้พาตัวแทนจากเมืองชิกะ 10 องค์กรเข้าดูงานกับองค์การอาหารและยาไทย รวมถึงได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทไทโชฯ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาญี่ปุ่นและเป็นคู่ค้าหลักกับทางดีเคเอสเอช ทำให้เห็นประ สิทธิภาพของดีเคเอสเอช ในการเป็นผู้ให้บริการด้านการขยายตลาดและมีความเชี่ยวชาญในการจัดจำหน่ายสินค้าภายในประเทศ รวมถึงประสิทธิภาพในการเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าในภูมิภาคเอเชียทั้งนี้ยังเล็งเห็นถึงตลาดคนไทยที่มีความนิยมและเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่น

ปัจจุบัน ดีเคเอสเอช มีธุรกิจอยู่ใน 13 ประเทศทั่วโลกในปี 2554 มีรายได้รวม 2.44 แสนล้านบาท ส่วนผลประกอบ การของดีเคเอสเอช ประเทศไทย มีรายได้รวม 8.98 หมื่นล้านบาท โดย 6 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตกว่า 10% และคาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมีการเติบโตราว 10%

ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 18 - 21 พ.ย. 2555