รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พอใจการร่วมจ่าย 30 บาท ขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ พร้อมให้คำมั่นจะสร้างมาตรฐานคุณภาพให้กับประชาชน ในการดูแลสุขภาพ และส่งเสริมป้องกันโรค รวมถึงหน่วยบริการสุขภาพประชาชนชนิดดีวันดีคืน มั่นใจปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่จะสร้างระบบบริการให้เกิดมาตรฐาน ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้บริการที่ดีกับประชาชน ทั้งชุมชนเมือง ชนบท และถิ่นทุรกันดาร
บ่ายวันนี้(9 ตุลาคม 2555)ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารระดับสูงประจำเดือนตุลาคม 2555ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2556โดยในวันนี้มีเรื่องพิจารณา 2 เรื่องได้แก่แผนการดำเนินงานพัฒนาระบบบริการสุขภาพและป้องกันโรคประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่างๆ สนองนโยบายของนายกรัฐมนตรี
นายวิทยากล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2556นี้ กระทรวงสาธารณสุข จะจัดทำแผนพัฒนาระบบบริการของโรงพยาบาลทั้งระบบให้ชัดเจนและมีคุณภาพสร้างมาตรฐานการบริการสุขภาพให้กับประชาชนโดยจะตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุด เพื่อติดตามเรื่องปัญหาของโรงพยาบาลที่บริการแล้วติดลบหรือขาดทุน จัดทำปรับแผนฟื้นฟู บทบาทของผู้ตรวจสอบ พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้บริหารโรงพยาบาล เพื่อเป็นปรับองค์กรให้มีระบบดีขึ้น ดูแลองค์กรตัวเองได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพการร่วมจ่าย 30 บาท ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2555ผลการดำเนินการ 1 เดือนที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ ประชาชนยินดีจ่าย ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจ โดยทั่วประเทศมีผู้มีสิทธิ์หลักประกันสุขภาพใช้บริการทั้งหมด 8 แสนกว่าราย ในจำนวนนี้ร้อยละ 40 เป็นผู้ที่ได้รับยา และมีผู้ที่ยินดีร่วมจ่าย ร้อยละ 47รวมเงินที่ได้รับ 4.9 ล้านกว่าบาท มีจังหวัดที่ผู้มีสิทธิ์ยินดีร่วมจ่าย 100เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง รองลงมาคือพระนครศรีอยุธยา แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ได้ให้สถานพยาบาลทุกแห่งถือปฏิบัติต่อไป และให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การร่วมจ่ายจะไม่มีการบังคับแต่ประการใดและให้คำมั่นว่าจะสร้างคุณภาพมาตรฐานในการดูแลสุขภาพประชาชน รวมถึงหน่วยบริการที่ให้บริการประชาชนชนิดดีวันดีคืนมั่นใจว่าปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่จะสร้างระบบบริการให้เกิดมาตรฐาน ตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้บริการที่ดีกับประชาชน ทั้งชุมชนเมือง ชนบท และถิ่นทุรกันดาร
นอกจากนี้ งานขับเคลื่อนที่จะเน้นหนักในปีงบประมาณ 2556คือ 1.การสร้างนำซ่อม เน้นการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ลดจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ซึ่งสถานการณ์ที่ผ่านมาพบว่า คนไทยป่วยจากโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย รวม 17 ล้านกว่าคน ค่ารักษาประมาณปีละ 3 แสนล้านบาท 2.การดูแลประชาชนทุกกลุ่มอายุเพิ่มขึ้น ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เช่นกลุ่มแม่และเด็ก หญิงตั้งครรภ์ เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี วัยรุ่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และประการที่ 3. คือการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเป็นศูนย์กลางรักษาพยาบาลและการผลิตบุคลากรการแพทย์ สนับสนุนด้านเศรษฐกิจประเทศ รองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของประเทศไทย โดยตั้งคณะทำงานติดตามคุณภาพและรูปธรรมของนโยบายทุกเรื่อง
ทางด้านนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ภายใน 3 เดือนนี้ จะเร่งจัดจัดทำแผนส่งเสริมป้องกันโรค แผนพัฒนาระบบริการรักษาพยาบาลในแต่ละเครือข่ายบริการ ซึ่งขณะนี้ทั่วประเทศได้จัดไว้ 12 เครือข่าย เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการใกล้บ้านที่สุด แผนกำลังคนที่เหมาะสมให้แล้วเสร็จ และใช้เป็นกรอบปฏิบัติตั้งแต่ปีใหม่ เป็นต้นไป สำหรับการส่งเสริมป้องกันโรคของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มนั้น ได้ให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขร่วมกับหน่วยวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข ทบทวนสถานการณ์ และข้อเสนอในการแก้ปัญหา จากนั้นจะหารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อระดมงบประมาณใช้ดำเนินงานทุกพื้นที่
- 1 view