จากกรณีการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-อียู ซึ่งทางอียูได้นำเสนอข้อตกลงการขยายอายุสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาออกไปอีก 5 ปี โดยมีหลายฝ่ายได้แสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบทางด้านยาและเวชภัณฑ์ที่อาจส่งผลต่อการเข้าถึง รวมไปถึงมูลค่าและค่าใช้จ่ายยาที่จะเพิ่มขึ้นนั้น เรื่องนี้ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือกันอยู่ ยังตอบไม่ได้ ซึ่งในการเจรจาแต่ละเวทีกับแต่ละประเทศก็จะมีการนำเสนอข้อตกลงมายังไทยที่ต่างกัน แต่ทั้งหมดนี้ถือเป็นสิ่งละเอียดอ่อนจึงต้องรอดูให้ชัดเจนก่อน
ส่วนที่มีฝ่ายวิชาการออกมาแสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบนั้น นายวิทยา บอกว่าเข้าใจเพราะในข้อตกลงบางอย่างก็มีข้อดี แต่บางอย่างก็มีข้อเสียอยู่ แต่ยืนยันว่าจะดูแลให้ดีอยู่แล้ว ไม่ทำให้เกิดผลกระทบ ซึ่งคณะกรรมการเจรจาคงต้องมีการหารือกันก่อน โดยมีผู้แทนจากทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากข้อท้วงติงดังกล่าวนำไปสู่คำถามที่ว่า รมว.สธ.จะต้องมีการหารือกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก่อนหรือไม่ นายวิทยากล่าวว่า เบื้องต้นท่านรองนายกรัฐมนตรีได้รับทราบต่อข้อความห่วงใยกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ในรายละเอียดต่างๆ มีข้อกฎหมายเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นคงไม่สามารถพูดเร็วได้ เพราะบางอย่างต้องขออำนาจรัฐสภาในทางปฏิบัติก่อน ส่วนที่เกรงว่าหากไทยยอมรับข้อตกลงระยะยาวจะกระทบต่อระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั้น เห็นว่าเบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการดูแลการเข้าถึงยาของประชาชนอยู่ อย่างเช่นการบังคับสิทธิ์เหนือสิทธิบัตรยา ซึ่งเป็นคนละส่วนกับการเจรจากับทางอียู
ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 18 กันยายน 2555
- 1 view