รัฐบาลเดินหน้าลดเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข ดูแลเท่าเทียมกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์-ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย เริ่ม 1 ตุลาคมนี้ ทั่วประเทศ
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข โดยมีแผนให้ผู้ป่วยจากทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ ได้แก่ กองทุนประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกันนั้น
เมื่อวันที่ 17 กันยายน นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเดินหน้าตามนโยบายสร้างความเป็นเอกภาพและบูรณาการสิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบประกันสุขภาพภาครัฐ ทั้งจากกรมบัญชีกลาง สำนักงานประกันสังคม (สปส.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะมีการขยายสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ป่วยทั้ง 3 กองทุน กรณีการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย โดยจะเน้นการดูแลรักษาอย่างเท่าเทียมทุกกองทุนทั่วประเทศ
"ผู้ป่วยทุกรายทุกสิทธิเข้าถึงการบำบัดรักษาด้วยเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน จะได้รับการรักษาต่อเนื่องโดยวิธีการรักษาแบบเดิม แม้จะมีการเปลี่ยนสิทธิการรักษาก็จะได้รับการรักษาภายใต้ระบบบริการของกองทุนที่ย้ายเข้าไปใหม่ และหน่วยบริการสาธารณสุขจะได้รับชดเชยค่าบริการและเวชภัณฑ์ตามระเบียบของกองทุนที่ผู้ป่วยย้ายเข้าไปสังกัดใหม่" นายวิทยากล่าว และว่า สำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ทุกรายทุกสิทธิยังได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนการเข้ารับบำบัดทดแทนไตภายใต้บริการของคลินิกโรคไตวายเรื้อรัง (CKD clinic) กว่า 100 แห่ง และในอนาคตจะขยายโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งต่อไป นอกจากนี้ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนไปรับการรักษาที่หน่วยบริการคู่สัญญาของกองทุนที่ย้ายเข้าใหม่ จะต้องได้รับการบำบัดทดแทนไตด้วยวิธีการรักษาแบบเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องสำรองเงินค่าใช้จ่าย
นายวิทยากล่าวว่า ส่วนการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ทั้ง 3 กองทุนสุขภาพนั้น จะต้องได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด รวมทั้งได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อการติดตามการรักษา มีบริการให้คำปรึกษาและตรวจเลือดแบบสมัครใจ เป็นต้น ซึ่งในรายละเอียดจะมีการหารืออีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 18 กันยายนนี้ จะมีการประชุมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปแนวทางการจัดระบบให้บริการเกี่ยวกับโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย และผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างเป็นระบบ ที่กระทรวงสาธารณสุข ก่อนเริ่มประกาศใช้จริงในวันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
--มติชน ฉบับวันที่ 19 ก.ย. 2555 (กรอบบ่าย)--
- 1 view