10 รมต.สธ.อาเซียน และจีน ญี่ปุน เกาหลีใต้ ร่วมให้คำมั่นผลักดันระบบการสร้างหลักประกันสุขภาพ

เช้าวันนี้ (6 กรกฎาคม 2555) ที่โรงแรมโมเวนพิค อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมหารือโต๊ะกลมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวก 3 คือจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ครั้งที่ 5 ( 5th ASEAN Plus three Health Ministers Meeting: 5th ASEAN+ 3 HMM )

นายวิทยาให้สัมภายหลังการประชุมว่า การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนบวก 3 ครั้งที่ 5 นี้ วาระหลักคือ การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage ) รวมทั้งกลไกการสนับสนุนการสร้างระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพและการพัฒนาศักยภาพ เพื่อนำไปสู่การสร้างระบบหลักประกันสุขภาพ โดยจะมีการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือในประเทศอาเซียนบวกสามในเรื่องนี้ ซึ่งไทยจะเป็นผู้ประสานงาน เนื่องจากผลการดำเนินงานของประเทศไทยในช่วง 10 ปีมานี้ ประสบผลสำเร็จและมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากตัวชี้วัด 3 ประการ

ได้แก่ 1.อัตราการเข้าถึงบริการสุขภาพเพิ่มขึ้น 2.อัตราการใช้บริการผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นจาก 2.45 ครั้งต่อคนต่อปีในปี 2546 เป็น 3.22 ครั้ง ต่อคนต่อปีในปี 2553 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.4 อัตราการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจาก 0.094 ครั้งต่อคนต่อปี เป็น 0.116 ครั้งต่อคนต่อปี หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.4 ในช่วงเดียวกัน มีครัวเรือนกว่า 100,000 ครัวเรือนที่ได้รับการป้องกันไม่ให้ตกไปสู่ความยากจนจากการมีหลักประกัน ไม่ต้องควักเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง และ3.โครงการนี้ โดนใจประชาชน ประชาชนมีความพึงพอใจในระดับสูง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 83 ในพ.ศ. 2546 เป็นร้อยละ 90 ในปี 2553

นายวิทยากล่าวต่อว่า ผลการประชุมครั้งนี้ กลุ่มประเทศอาเซียนหลายประเทศให้ความสนใจ เช่นบรูไน เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว ซึ่งอยู่ใกล้กัน และมีความตกลงร่วมกันที่จะร่วมมือกันพัฒนาเรื่องการดูแลสุขภาพ ภายใต้หลักประกันสุขภาพและดูแลประชาชนตามแนวที่ประเทศไทยมี ซึ่งเป็นการดูแลโดยรัฐบาล โดยไทยเป็นต้นแบบ แต่สิ่งที่หลายประเทศคำนึงถึงคือเรื่องงบประมาณ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยแสดงให้เห็นว่าเรามีศักยภาพ ตั้งแต่เริ่มโครงการในรัฐบาลสมัยดร.ทักษิณ ชินวัตร สามารถให้การดูแลประชาชนได้ทั้งหมด ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของกองทุนประกันสุขภาพภาครัฐ 3 กองทุน เริ่มจากการบริการผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน ซึ่ง 10 ประเทศอาเซียน และจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้แต่ละประเทศได้เริ่มปรับระบบการประกันสุขภาพให้เทียบเคียงกับประเทศไทยในหลายรูปแบบแตกต่างกันไป บางประเทศอยู่ในลักษณะกองทุน หรือการประกันสุขภาพ หรือเก็บภาษีจากบุหรี่