ส่งป.ป.ช.ฟันบิ๊กรพ.ดังเจตนาทุจริตซื้อยาซูโดฯ

ดีเอสไอ ส่ง ป.ป.ช.ฟันเภสัชกร รพ.นากลาง และ 5 ผู้บริหารรพ.อุดรธานี หลังพบพฤติกรรมส่อเจตนาลักลอบยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดฯ ออกจากโรงพยาบาลขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ศุลกากรแม่สอดจับคนขับรถส่งของจากสนามบินสุวรรณภูมิ ขนซูโดอีเฟดรีน 3 แสนเม็ดเตรียมส่งข้ามพม่าผ่านทางด่านฯ แม่สอด

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการดำเนินคดีกรณีการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรผสมของสารซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาลว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 กับนายศักดิ์โกสินธิ์ สูตรสนธิ์ เภสัชกรโรงพยาบาลนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู หลังพิจารณาจากพยานหลักฐานพบมีการปลอมลายมือชื่อผู้อำนวยการโรงพยาบาลสั่งซื้อยายี่ห้อ BAFED จากบริษัท ปรูฟฟ์ จำกัด จำนวน 100,000 เม็ด แล้วนำไปมอบให้นางนรมน มูลสวัสดิ์ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ส่วนนางนรมน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานกระทำผิดเพิ่มเติม

สำหรับโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี จังหวัดอุดรธานี คณะพนักงานสอบสวน ได้พิจารณาแล้ว มีข้อสังเกต กรณีกลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาล จำนวน 5 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อยาแก้หวัดสูตรผสมของสารซูโดอีเฟดรีน มีพฤติการณ์ในการสั่งซื้อยาแก้หวัดมากผิดปกติเกินความจำเป็นโดยไม่มีระบบการควบคุมที่ดีเพียงพอตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น

ทั้งนี้ สืบเนื่องการตรวจสอบข้อมูลพบช่วงระยะเวลาปีงบประมาณ 2553-2555 มีการสั่งซื้อยาแก้หวัดที่มีสูตรผสมของสารซูโดอีเฟดรีนจำนวน 129 ครั้ง จำนวน 7,874,800 เม็ดมูลค่า 12,298,116 บาท ขณะที่ความต้องการใช้ยาของโรงพยาบาลสุขภาพตำบล (สถานีอนามัยเดิม) จำนวน 28 แห่ง มีความต้องการใช้ประมาณ 600,000 เม็ด แต่นำมาใช้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน 592,336 เม็ด และได้เบิกใช้จริงแค่ประมาณ 350,000 เม็ดเท่านั้น

ประเด็นดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามกฎหมายอาญา และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตนจึงได้ส่งสำนวนการสอบสวน ไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน

ส่วนกรณีผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองแสนขัน และนายธีรพงษ์ เอี่ยมอ่อน เภสัชกรโรงพยาบาลทองแสนขันและนายสมชาย แซ่โค้ว เภสัชกรโรงพยาบาลอุดรธานี ได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ดำเนินการก่อนหน้านี้แล้ว

จับซูโดฯ 3 แสนเม็ดคาด่านฯ แม่สอด

วานนี้ (21 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตากว่า นายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด จ.ตาก, พ.ต.อ.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผกก.สภ.แม่สอด นายปรีชา ใจเพชรนายอำเภอแม่สอด ได้ร่วมกันตรวจสอบรถปิกอัพเชฟโรเลต สีขาว ทะเบียน บต 1345 ชัยนาทซึ่งมีนายไพรัตน์ สินเทา อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 8 ต.เขากวางทอง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานีเป็นคนขับ เมื่อเย็นวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากสงสัยว่าจะมีการบรรทุกสิ่งของผิดกฎหมายส่งข้ามไปพม่า

โดยพบว่าท้ายรถบรรทุกกล่องบรรจุสินค้าเพื่อเตรียมส่งข้ามพม่าบริเวณชายแดนไทย-พม่า บ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด 10 กล่อง ภายในมีกล่องบรรจุยาซูโดอีเฟดรีนภายใต้ชื่อยาแอตติเฟส วัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำหรับผลิตยาบ้า รวม300,000 เม็ด และจากการตรวจสอบนายไพรัตน์ คนขับรถไม่มีใบสำแดงสินค้ากำกับมาด้วยเจ้าหน้าที่จึงได้ยึดยาทั้งหมดพร้อมควบคุมตัวนายไพรัตน์ มาทำการสอบสวน ซึ่งนายไพรัตน์ให้การว่ามีอาชีพขับรถรับจ้างอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมีคนว่าจ้างให้บรรทุกกล่องยาที่ถ่ายเหมาลำจากประเทศตุรกี โดยบริษัท V-SERVE LOGISTICS LTD สำนักงานอยู่ถนนอ่อนนุช สวนหลวง กทม.เพื่อให้มาส่งที่ด่านชายแดนแม่สอด โดยไม่ทราบว่าเป็นสินค้าต้องห้ามซึ่งโดยปกติตนจะรับจ้างขนส่งสิ่งของมาที่แม่สอดเป็นประจำอยู่แล้ว
เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหานายไพรัตน์ครอบครองวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.แม่สอดดำเนินคดี

จับเพิ่มอีก 2 เอี่ยวส่งซูโดฯเข้าพม่า

ต่อมาที่ด่านศุลกากรแม่สอด ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก นายพงศ์เทพบัวทรัพย์ นายด่านศุลกากรแม่สอด พร้อมด้วย พ.อ.อุกฤษฏ์ นุชกำแพง ผบ.ฉก.ร.4, พ.ต.อ.เอกราษฎร์ อินทร์ต๊ะสืบ ผกก.แม่สอด, นายปรีชา ใจเพชร นายอำเภอแม่สอด และหน่วยงานความมั่นคง ได้แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาร่วมกันครอบครองสารตั้งต้นผลิตยาเสพติด ซูโดอีเฟรดีน ที่จับกุมได้เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.จำนวน 300,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหา 1 คน คือนายไพรัช สินเธาว์ อายุ 35 ปี

ขณะเดียวกันในวานนี้ (21 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่จับได้เพิ่มอีก 2 คนคือนายชิต ออทอลานอายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 23 หมู่ 13 ต.นางขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม และนางสาวไพจิตรแก้วประเสริฐ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 79 หมู่ 5 ต.ยางสูง อ.ขานุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชรซึ่งคาดว่าทั้ง 2 คนน่าจะเป็นคนประสานงานติดต่อกับลูกค้าฝั่งพม่า แต่ทั้งสองยังให้การปฏิเสธ

ที่มา : ASTVผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555