ดีเอสไอรวบแล้ว 2 ตัวการชาย-หญิง ฉกซูโดฯจากโรงพยาบาลภาคอีสาน ส่งให้เอเยนต์ใหญ่ที่สันกำแพง ก่อนลักลอบขนไปประเทศเพื่อนบ้าน สืบจากการใช้โทรศัพท์ จนรู้กบดานที่เชียงราย-เชียงใหม่ แฉเคยเป็นเซลส์ยาต่างบริษัท ก่อนร่วมมือในขบวนการ เผยเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 4 คน ที่รับผิดชอบลักยาในแต่ละภูมิภาค
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์อธิบดีดีเอสไอ พร้อมพ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง แถลงจับกุมนายพิเชษฐ์ หรือเชษฐ์ เชื้อทอง อายุ 35 ปี และนางนรมล หรือจุ๋ม มูลสวัสดิ์ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาคดีลักลอบนำตัวยาซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาลโดยจับกุมนายพิเชษฐ์ได้ที่โรงแรมสปอร์ตอินน์ต.ป่าก่อ อ.เมือง จ.เชียงราย ส่วนนางนรมลจับได้ที่อภิญญาคอร์ท สถานีรถไฟ จ.เชียงใหม่
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เมื่อเวลา 09.00 น. ตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดตามพ.ร.บ.ยา 2510 มาตรา 12 และมาตรา 101 และข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งดีเอสไอจะสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงตัวบุคคลที่รับยาต่อ ก่อนนำไปส่งให้ผู้ผลิตที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง2 ราย จะทำหน้าที่รวบรวมยาจากโรงพยาบาลทองแสนขัน โรงพยาบาลนากลาง โรงพยาบาลอุดร และโรงพยาบาลอื่นๆ ในภาคอีสาน ส่งกลุ่มผู้ค้าอ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เพื่อรอนำส่งประเทศเพื่อนบ้านต่อไป โดยการส่งของมี 2 ช่องทาง คือหากปริมาณยาน้อย จะใช้ระบบส่งไปรษณีย์ โดยแกะเม็ดยาออกจากซอง แต่ถ้ายาล็อตใหญ่จะขับรถไปส่งของที่จุดหมายด้วยตนเองทั้งนี้ ทั้ง 2 รู้จักกันตั้งแต่เป็นพนักงานขายยา และเครื่องมือแพทย์ ซึ่งอยู่คนละบริษัท แต่ต่อมามาร่วมมือกัน โดยมีหน้าที่รวบรวมยาซูโดอีเฟดรีนในภาคอีสาน นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหารายอื่นๆรับผิดชอบในแต่ละภาคอีก ซึ่งวันที่ 18 มิ.ย.พนักงานสอบสวนจะประชุมร่วมพนักงานอัยการเพื่อขออนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 4 ราย
นายธาริตกล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ถือเป็นตัวการใหญ่สุดของขบวนการลักลอบนำยาออกจากระบบ สำหรับการจับกุมดังกล่าวดีเอสไอสะกดรอยความเคลื่อนไหวจากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ ซึ่งผู้ต้องหาเปลี่ยนซิมการ์ดโทรศัพท์ทุกวัน
นายธาริตกล่าวถึงความคืบหน้ากรณีลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนจากต่างประเทศ ว่า ขณะนี้นายสรรเสริญ ปาลวัฒน์วิไชยรองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมพนักงานสอบสวน เดินทางไปไต้หวันเพื่อประสานข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ ที่ส่งยาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีนมายังประเทศไทย ซึ่งได้รับรายงานว่าคณะทำงานได้เอกสารหลักฐานชื่อบริษัทที่แท้จริงในประเทศไทย ที่สั่งซื้อยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนจากไต้หวันและยังพบข้อมูลการชำระเงิน ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวทำให้คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าอย่างมาก
นายธาริตกล่าวอีกว่า ดีเอสไอตรวจสอบพบว่ามีการลักลอบนำยาเข้าจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยในรอบ 4 ปี พบมีการนำเข้าจากต่างประเทศมากถึง 41 ครั้ง โดยเป็นการนำเข้าผ่านทางสุวรรณภูมิ 21 ครั้ง โดยซูโดอีเฟดรีนที่นำเข้าจากต่างประเทศนำไปผลิตเป็นยาเสพติดมากถึง 83 เปอร์เซ็นต์ อีกส่วนเป็นการลักลอบออกจากระบบโรงพยาบาล มี 17 เปอร์เซ็นต์
ข่าวสด (กรอบบ่าย) วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2555
- 93 views