ศูนย์ประสานประชาคมเอดส์ จังหวัดสงขลาได้จัดเวทีกำหนดยุทธศาสตร์การทำงานด้านเอดส์ จังหวัดสงขลาขึ้น ณ โรงแรม บีพี สมิหลา บีช สงขลา ในเวลา 09.00-16.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม 2555 ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้โครงการเสริมสร้างศักยภาพท้องถิ่นเพื่อการตอบสนองอย่างยั่งยืนต่อปัญหาและการจัดการด้านเอดส์
นายแพทย์นพดล ไพบูรณ์สิน รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จ.สงขลากล่าวในที่ประชุมว่าพบผู้ติดเชื้อเอชไอวีจากการเสพยาเสพติดโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่าในภาคอื่นของประเทศ จากสถิติพบว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้มีผู้ติดยาเสพติดประมาณร้อยละ 14 – 15 ของประชากรในพื้นที่ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้เสพยาทั้งประเทศซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 4 - 5 ในจำนวนนี้ มีผู้เสพยาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร้อยละ 30 ที่ติดเชื้อเอชไอวี
การประชุมเสวนาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวางยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติ พ.ศ.2555 - 2559 โดยมีเป้าหมายคือ “Getting to Zero” หรือ “สู่เป้าหมายที่เป็นศูนย์” โดยมีหน่วยงานที่ทำงานขับเคลื่อนเรื่องเอดส์โดยตรงในจังหวัดสงขลาและหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์เข้าร่วมประชุมวางแผน
นายแพทย์นพดล กล่าวว่าปัญหาการจัดการเรื่องเอดส์ไม่ได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบใน 10 กว่าปีที่ผ่านมา การรณรงค์เรื่องการถูกตีตราจากสังคมยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้ผู้ติดเชื้อไม่กล้าเข้ารับการรักษา ช่วงปี พ.ศ.2538 - 2541 เป็นช่วงที่สถิติผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์พุ่งสูงที่สุดในประเทศไทย และดูเหมือนปัญหานี้จะบรรเทาลงไประยะหนึ่ง และได้กลับมาระบาดมากขึ้นอีกในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา ในปัจจุบันทุกพื้นที่มีความเสี่ยงเท่าๆ กัน ขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่ใดจะมีความหนาแน่นของประชากรมากกว่า และการระบาดจะมีค่อนข้างสูงในเมืองท่องเที่ยวและพื้นที่ที่มีการใช้ยาเสพติดสูง
นายแพทย์นพดลเปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้เชื้อเอชไอวี/เอดส์ระบาดมากขึ้นเพราะว่าปัจจุบันการรณรงค์ในเรื่องนี้ลดลง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่ามียาที่สามารถบรรเทาอาการของผู้ติดเชื้อจึงทำให้ประชาชนไม่ตระหนักในเรื่องการป้องกัน ประกอบกับเทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้เยาวชนไม่สามารถวิเคราะห์แยกแยะสื่อที่เสพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เยาวชนมีเพศสัมพันธ์ในขณะอายุน้อย
นายแพทย์นพดลได้กล่าวว่าปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้การแพร่เชื้อเอชไอวีในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมากขึ้นเพราะว่าผู้ติดเชื้อไม่ยอมรับการรักษา สังคมมุสลิมไม่ค่อยยอมรับผู้ติดเชื้อเอดส์เพราะมีทัศนคติว่าผู้ที่ติดเชื้อเป็นผู้ที่ส่ำส่อนทางเพศหรือผิดประเวณีซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง ผู้หญิงหลายคนที่ตรวจพบเชื้อในช่วงการฝากครรภ์ไม่กลับมารักษา ผู้หญิงเหล่านี้หายไปจากระบบการติดตามของโรงพยาบาลและเชื่อว่าขาดรักษาอย่างถูกต้อง ทั้งๆ ที่การดูแลของแพทย์จะสามารถป้องกันไม่ให้เชื้อติดสู่ลูกในครรภ์ได้
ส่วนแนวทางป้องกันนั้น นายแพทย์นพดลแนะนำว่า ผู้ที่กำลังจะแต่งงานหรือกำลังจะมีบุตรให้พาคู่ครองไปตรวจเลือดให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อเอชไอวี ซึ่งการตรวจพบแต่เนิ่นๆ จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดและรักษาได้ดีกว่ากว่า