นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพ พ.ศ.. ว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพ ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนที่จะเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยร่างกฎหมายดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมกิจการสปานวดแผนไทยให้มีมาตรฐาน ป้องกันการขายบริการทางเพศแอบแฝง ขณะเดียวกันยังเป็นการดำเนินการตามนโยบายเมดิคัล ฮับ ที่พัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ซึ่งก้าวเข้าสู่ระยะที่ 2 โดยมีระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่ปี 2553-2557 และสปาถือว่าอยู่ในกลุ่มบริการส่งเสริมสุขภาพที่จัดเป็น 1 ใน 4 ผลผลิตหลักของนโยบายเมดิคัล ฮับ ทั้งนี้ สำหรับ 4 ผลผลิตหลักของนโยบายเมดิคัล ฮับ ในระยะที่ 2 ประกอบด้วย 1.บริการรักษาพยาบาล 2.บริการส่งเสริมสุขภาพ 3.บริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  และ 4.ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพรไทย

นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์

 

 

 

 

 

 

 

 

นพ.สมชัยกล่าวอีกว่า การกำหนดมาตรฐานของ สปาไทยนั้นจะต้องทำทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีมาตรฐานเดียวกัน โดยขณะนี้มีแนวคิดในการจัดตั้ง สมาคมสปาไทยในต่างแดน เพื่อทำหน้าที่ในการประสานงานกันระหว่างสปาไทยในต่างแดนกับ สบส. ต้องหาแนวทางในการทำให้เกิดเป็นสปาไทยแท้ๆ ไม่ใช่ให้ชาวต่างชาติมาเปิดบริการสปาแบบไทยแต่พนักงานภายในร้านกลับไม่มีคนไทย โดยอย่างน้อยหากมีการเปิดกิจการสปาไทยในต่างประเทศแล้วจะต้องมีผู้จัดการเป็นคนไทย ซึ่งในปัจจุบันต้องยอมรับว่าสปาไทยไปสร้างชื่อในต่างประเทศหลายแห่ง ทำให้อาจจะมีบางประเทศที่มีการเปิดร้านสปาไทยแต่พนักงานในร้านกลับไม่มีคนไทย เหมือนกับร้านอาหารไทยในหลายๆ ประเทศ ขายอาหารไทย แต่พนักงานในร้าน เจ้าของร้านกลับไม่ใช่คนไทยเลย  ดังนั้น หาก พ.ร.บ.ประกาศใช้เมื่อใดแนวทางต่อไปคือ เตรียมจัดตั้งสปาไทยในต่างประเทศ โดยจะต้องมีการออกเกณฑ์ต่างๆ อาทิ การจัดตั้งสปาจะต้องมีผู้จัดการเป็นคนไทย เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์ของสปาไทยไว้