ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“สมศักดิ์” รุดส่งนักเรียน 14 ปีเหตุรถบัสไฟไหม้ ล่าสุดอาการดีขึ้น กลับบ้านแล้ว พร้อมจัดส่งทีม Mcatt ดูแลจิตใจ ทั้งผู้ป่วยและญาติยาว 1 ปี ขณะที่ 6 พ.ย.นี้ สธ.ร่วมก.คมนาคม ทำ MOU ความปลอดภัยบนท้องถนน  ส่วนอาการเด็กอีก 2 รายที่รักษา รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต

จากกรณีเหตุการณ์เด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้รถทัศนศึกษาของเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เกิดเพลิงไหม้บนถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมาส่งผลให้มีเด็กนักเรียนต้องเข้ารับการรักษาจำนวน 3 ราย ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ จำนวน 1 ราย อายุ 14 ปี  และอีก 2 รายเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีอายุ 7 ปี และ 9 ปีนั้น

เด็ก 14 ปีอาการแข็งแรง แผลแห้ง ไม่ติดเชื้อ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 25 ตุลาคม ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี(รพ.เด็ก)   นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ นพ.ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี  และคณะแพทย์ พยาบาล   ร่วมส่งผู้ป่วยเด็กหญิง 14 ปี ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีรถบัสไฟไหม้

โดยทีมแพทย์เผยจากการตรวจรักษาล่าสุดวันนี้ (25 ต.ค.2567)  พบว่าอาการทั่วไปแข็งแรงดี บาดแผลไฟไหม้ส่วนใหญ่แห้งดี ไม่มีการติดเชื้อ ไม่พบปัญหาข้อติดยึด ด้านจิตใจผู้ป่วยมีอารมณ์คงที่ มีการจัดการอารมณ์ที่ดี พร้อมกลับบ้าน ทางทีมแพทย์ผู้ให้การรักษามีแผนการนัดติดตามดูแลอาการ และส่งต่อทีมเยี่ยมบ้านในพื้นที่ต่อไป

นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า  ขณะนี้น้องเนยก็จะได้เดินทางกลับบ้านแล้ว  ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขก็จะให้แพทย์คอยติดตามดูแล และในส่วนของแผลที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง จะต้องทำการทำความสะอาดและรักษากันต่อไป ส่วนสภาพจิตใจก็ดีขึ้นมาก และกระทรวงสาธารณสุข ยังมีทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤติที่เรียกว่า  MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team ) มาคอยดูแลเยียวยาจิตใจทั้งผู้ป่วยและญาติ โดยเคสนี้น่าจะต้องติดตามต่อเนื่องประมาณ 1 ปี  อย่างไรก็ตาม แผลบาดเจ็บแม้จะหาย แต่สิ่งที่ควรจดจบและหาทางแก้ปัญหาหรือป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้อีกเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยเรื่องนี้มาก

“พวกเราควรจดจำเรื่องนี้ และต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา หรืออุบัติเหตุบนท้องถนนเช่นนี้อีก ซึ่งหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องก็ต้องหันหน้าคุยกันว่าจะแก้ปัญหาลักษณะนี้อย่างไรให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือไม่ให้เกิดขึ้นเลย โดยในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคม จะทำMou กันเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งการแก้ปัญหาก็จะต้องนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาหาทางป้องกัน ” นายสมศักดิ์ กล่าว

รมว.สาธารณสุข กล่าวเสริมอีกว่า เรื่องความปลอดภัยทางถนนนั้น ทางกรมควบคุมโรคเคยทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่าสาเหตุของความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน หลักๆที่พบมาก มีทั้งปัญหาจากยานพาหนะ จากผู้ขับขี่ และจากสิ่งแวดล้อม เช่น ผิวถนน ฝนตก รวมไปถึงเรื่องเมาแล้วขับ แต่ที่พบมากที่สุดคือ คน หรือผู้ขับขี่ ตรงนี้ก็จะเป็นบทเรียนที่ต้องนำมาหาทางป้องกันต่อไป

อัปเดตอาการเด็ก 2 ราย รพ.ธรรมศาสตร์ รังสิต

เคสเด็ก 7 ปี ลืมตาเองพอได้

วันเดียวกัน ทางฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แจ้งผลการรักษาของผู้ป่วยเด็กทั้ง 2 ราย ดังนี้  เด็กหญิง อายุ 7 ปี ทางทีมกุมารแพทย์ เผยว่า  อาการทั่วไป ไฟไหม้ใบหน้า และลำตัว แผลไหม้ระดับที่สอง (Second degree burn 13%)   ยังมีไข้ต่ำ ๆ ห่างขึ้น    หลังเริ่มยาลดความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตดีขึ้น(ความดันโลหิตที่แขน)  

ทั้งนี้ สามารถหายใจได้เองโดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน   สามารถพูดสื่อสารความต้องการได้    ให้ยาแก้ปวดเป็นครั้งคราวเวลามีอาการเจ็บหรือก่อนทำแผล    รับประทานอาหารทางปากและสามารถกินนมได้   ปัสสาวะและอุจจาระปกติ    ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้างเพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน   ไม่พบตำแหน่งติดเชื้อชัดเจน เฝ้าติดตามอาการ และเฝ้าระวังการติดเชื้อแทรกซ้อน

ทีมศัลยแพทย์ เผยอาการแผลไม่มีการเปลี่ยนแปลง  รอเปิดแผลวันที่ 30 ต.ค.  ในห้องผ่าตัด ขณะที่ทีมจักษุแพทย์ เผยว่า  วันนี้ลืมตาเองพอได้  นับนิ้วได้ที่ระยะ 2 ฟุต   มองเห็นสีเปลือกตายุบบวมกระจกตาขุ่นบ้างและมีผิวกระจกตาเริ่มปิดมากขึ้น   คอนแทคเลนส์อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในตาข้างขวา  และ ความดันตาค่อนสูงเล็กน้อยตาขวา ตาซ้ายความดันตาเริ่มลง

เคสเด็ก 9 ปี หายใจได้เอง พอเปิดตาได้บางส่วน

ส่วนเคสเด็กหญิง อายุ 9 ปี ทีมกุมารแพทย์ เผยว่า  อาการทั่วไป ไฟไหม้ใบหน้า ไฟไหม้ใบหน้า คอ แขนและมือทั้ง 2 ข้าง แผลไหม้ระดับที่สอง (Second degree burn 30%)   สัญญานชีพปกติ ผู้ป่วยมีไข้ต่ำ ๆ  ให้ยาลดความดันโลหิต ยังมีความดันสูงเป็นครั้งคราวสัมพันธ์กับอาการปวด  หายใจได้เองโดยไม่ต้องให้ออกซิเจน ไม่หอบเหนื่อย

ทั้งนี้ สามารถพูดสื่อสารความต้องการได้   ให้ยาแก้ปวดทุก 2 ชั่วโมง เวลามีอาการเจ็บหรือก่อนทำแผล     รับอาหารทางการแพทย์ผ่านสายให้อาหารทางจมูกได้ดี เริ่มกินอาหารทางปากได้เพิ่มมากขึ้น  ปัสสาวะและอุจจาระปกติ   ใช้อุปกรณ์บีบคลายขาทั้ง 2 ข้างเพื่อป้องกันลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน   ให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือดต่อเนื่อง และเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อรุนแรง  ทีมศัลยแพทย์ ระบุว่า ไข้คงที่ระดับเดิม   บาดแผลไฟไหม้ทำแผลด้วยวิธีการเคลือบบาดแผล   ลดการเปิดแผลและอาการบาดเจ็บ  ตื่นลุกมานั่งข้างเตียง   กินอาหารในและนอกโรงพยาบาลได้ต่อเนื่อง

ส่วนทีมจักษุแพทย์  ระบุว่า เมื่อวานเข้าห้องผ่าตัด  ตาขวากระจกตาบริเวณขอบใส ตรงกลางยังมีแผลถลอกและขุ่น   ทำการวางเซลล์ต้นกำเนิด เยื่อรกสองชั้น ใส่คอนแทคเลนส์ เย็บเปลือกตาขวา 50% ของความกว้าง เพื่อให้หลับตาสนิท  เพิ่มความชุ่มชื้นและกระตุ้นการหายของแผลที่ผิวกระจกตา  ตาซ้าย ตรวจพบกระจกตาบางตัวลงบริเวณค่อนไปขอบริมกระจกตาเป็นวง 360 องศา ตรงกลางมีฝ้าขาว  ได้ทำการวางเซลล์ต้นกำเนิด คลุมกระจกตาทั้งหมดด้วยเยื่อตาขาว และเย็บเปลือกตา 80% ของความกว้าง เพื่อให้หลับตาสนิท  เพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการหายของผิวกระจกตา  วันนี้ปวดตาเล็กน้อย พอเปิดตาได้บางส่วน มองเห็นไฟ สามารถหยอดยาให้ได้