เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ฝ่ายประชาสัมพันธ์ แพทยสภา ส่งบทความให้สื่อมวลชนเผยแพร่ โดย ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล กรรมการแพทยสภา และประธานคณะทำงานสร้างความเข้มแข็งประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผล  เขียนบทความให้ความรู้อันตราย "ไซยาไนด์"

 

ไซยาไนด์ 

ไซยาไนด์อาจถูกนำเข้าสู่ร่างกายทางปาก ด้วยการละลายผลึกโพแทสเซียมไซยาไนด์ในน้ำหรือเครื่องดื่มหรือทำให้เป็นผงแล้วผสมลงในอาหาร หรือผสมไซยาไนด์ในรูปของของเหลวลงในน้ำหรือเครื่องดื่มหรืออาหารได้โดยตรง นอกจากนั้นยังอาจถูกนำเข้าสู่ร่างกายทางการหายใจด้วยไซยาไนด์ที่อยู่ในรูปของแก๊ส 

ผู้ได้รับไซยาไนด์จะรู้ตัวหรือไม่

ไซยาไนด์เป็นสารที่ไม่มีสี และไม่มีกลิ่น เฉพาะบางคนเท่านั้นที่อาจรับรู้กลิ่นของไซยาไนด์ได้ ซึ่งจะมีกลิ่นคล้ายกับอัลมอนด์แต่มีความเข้มข้นมากกว่า กลิ่นนี้บางคนบอกว่าคล้ายกับกลิ่นของเมล็ดพืชหรือเมล็ดผลไม้ที่มีความขม เช่น เมล็ดแอปเปิ้ลหรือเมล็ดลูกพีช ส่วนโพแทสเซียมไซยาไนด์มีรสชาติที่ขมและฉุนจัด หากได้รับในปริมาณมากจะมีความรู้สึกแสบหรือเผาไหม้ในปากคล้ายกับการสัมผัสกับสารด่างซึ่งเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง

ต้องได้รับไซยาไนด์มากน้อยเพียงใดจึงจะเสียชีวิต

ผู้ใหญ่โดยทั่วไปมักเสียชีวิตหากได้รับไซยาไนด์ทางปากในปริมาณ 200-300 มิลลิกรัม ซึ่งเทียบได้กับปริมาณของเกลือประมาณครึ่งถึงหนึ่งในสี่ของช้อนชา 

ไซยาไนด์ทำให้เสียชีวิตได้อย่างไร

เมื่อเข้าสู่ร่างกายทั้งด้วยการกินหรือการสูดหายใจ ไซยาไนด์จะขัดขวางการใช้พลังงานของเซลล์ในร่างกาย ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกายขาดออกซิเจน โดยเฉพาะที่สมองและหัวใจ ทำให้เกิดอาการชัก หัวใจเต้นผิดจังหวะ และหัวใจหยุดเต้น

ผู้ได้รับไซยาไนด์จะเสียชีวิตอย่างรวดเร็วเสมอไปหรือไม่

หากได้รับไซยาไนด์ทางปากในขนาดสูงมักเสียชีวิตในเวลาเป็นนาที แต่หากได้รับในปริมาณต่ำอาจใช้เวลานานขึ้นเป็นหลายนาทีหรือเป็นชั่วโมงซึ่งมีโอกาสได้รับยาต้านพิษและช่วยชีวิตได้ทัน

ถ้าได้รับไซยาไนด์แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียชีวิต จะมีอาการอย่างไร

บุคคลอาจได้รับไซยาไนด์ในขนาดต่ำโดยไม่ตั้งใจ เช่นจากอาหารบางชนิดซึ่งมีไซยาไนด์เป็นส่วนประกอบ อาจมีอาการดังต่อไปนี้คือ เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก หัวใจอาจเต้นช้าลงหรือเร็วขึ้น หายใจลำบาก การหายใจอาจช้าลงหรือเร็วขึ้น อาจหายใจมีเสียงหวีด สับสน เวียนศีรษะ กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ ปวดตา น้ำตาไหล คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง 

มียาที่ใช้ต้านพิษไซยาไนด์หรือไม่

เมื่อถึงโรงพยาบาลและแพทย์ได้ข้อมูลว่าอาจได้รับพิษจากไซยาไนด์ แพทย์จะรีบให้ ยาต้านพิษไซยาไนด์ ได้แก่สารละลาย 3% โซเดียมไนไตร์ท ร่วมกับสารละลาย 25% โซเดียมไทโอซัลเฟต ซึ่งมักจะออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 30 นาที ซึ่งยาเหล่านี้ควรมีพร้อมในโรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ทุกแห่งในประเทศไทย ยาต้านพิษทั้งสองชนิดผลิตโดย สถานเสาวภา สภากาชาดไทย