ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมการแพทย์ ชี้ ภาวะพร่องฮอร์โมนในเพศชาย พบแพทย์รักษาได้ หากมีอาการความจำเสื่อม นอนไม่หลับ อ้วนลงพุง ความต้องการทางเพศลดลง ควรตรวจสุขภาพร่างกาย เพื่อวินิจฉัยสาเหตุ

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  กล่าวว่า ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย คือภาวะที่ร่างกายขาดฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือมีระดับฮอรโมนเทสโทสเตอโรนลดลงอย่างผิดปกติ มักพบได้ในเพศชายที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ลักษณะอาการ เช่น อ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง ความจำเสื่อม นอนไม่หลับ อ้วนลงพุง ความต้องการทางเพศลดลง   

ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย เกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้  

1.ตามธรรมชาติ 

2.การบาดเจ็บที่ลูกอัณฑะ เช่น ได้รับการบาดเจ็บ หรือผลข้างเคียงจากการฉายรังสี หรือทำเคมีบำบัด การติดเชื้อที่ลูกอัณฑะ 

3.โรคหรือเนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง ซึ่งเป็นส่วนที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมนเพศ 

4.โรคที่เกี่ยวกับการสร้างฮอร์โมน ภายในร่างกาย เช่น โรคเอดส์ โรคตับ-ไตเรื้อรัง มีระดับไขมันสะสมในร่างกายมากเกินไป โรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือโรคอ้วน 

5.มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น ทำงานหนัก มีความเครียดสูง พักผ่อนไม่เพียงพอ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
       
นพ.อดิศักดิ์ งามขจรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน เพิ่มเติมว่า ภาวะพร่องฮอร์โมน มีลักษณะอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง โดยอาการที่พบได้ มีดังนี้ ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศชายแข็งตัวยาก หรือแข็งตัวได้ไม่นาน หรือที่เรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ตามตัว ปวดกล้ามเนื้อ อ้วนลงพุง หรือมีเส้นรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว มีมวลกล้ามเนื้อ และมวลกระดูกลดลง นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม
       
ด้าน นพ.วราทร ลำใย นายแพทย์ชำนาญการ เฉพาะทาง ด้านทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเลิดสิน กล่าวว่า ภาวะพร่องฮอร์โมน สามารถรักษาได้ด้วยการเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย มี 2 วิธี คือ 

1.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต เป็นการลดปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย และเพิ่มปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างฮอร์โมนเพศชายได้ดีขึ้น ได้แก่ งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดน้ำหนัก นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

2.รักษาด้วยยา เป็นการให้ฮอร์โมนเพศชายเพื่อเสริมส่วนที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยปัจจุบัน 2 รูปแบบหลัก คือ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทาที่ผิวหนัง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง