ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ครม.สัญจรเห็นชอบงบเงินกู้พัฒนาระบบบริการสาธารณสุข “5 รพ. 5 จังหวัด” วงเงิน 8,510.08 ล้านบาท  สร้างอาคาร ซื้อครุภัณฑ์ พัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศ พร้อมขยายเตียงบริการรองรับผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และผู้ป่วยวิกฤต “รพ.มหาราชนครราชสีมา” ได้งบสูงสุดกว่า 4 พันล้าน ขณะที่สำนักงาน ก.พ.ระบุ สธ. ใช้วิธีปรับเกลี่ยกรอบอัตรากำลัง

 

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จ.นครราชสีมา  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 4/2567  โดยคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) ดำเนินงานโครงการรายจ่ายลงทุนเพื่อใช้จ่ายเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม  (โครงการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข) รวม  5 โรงพยาบาล(รพ.)   งบประมาณทั้งหมด 8,510.08 ล้านบาท  ประกอกบด้วย รพ.นครพิงค์  จ.เชียงใหม่   รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์  รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี รพ.มะการักษ์ จ.กาญจนบุรี และรพ.มหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา

โดยสาระสำคัญ  มี 2 ส่วน ดังนี้

ส่วนที่ 1  โครงการรายจ่ายลงทุนเพื่อใช้จ่ายเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (โครงการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข )  เพื่อก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลและจัดหาครุภัณฑ์ของ 5 โรงพยาบาล กรอบวงเงิน 8,510.08 ล้านบาท ที่ สธ. เสนอในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่จะพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ยกระดับและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีความทันสมัยตามหลักสากล และขยายเตียงการให้บริการและรองรับผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และผู้ป่วยวิกฤต ซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกปี เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ

ทั้งนี้ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในคราวประชุมเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 ได้เห็นชอบในหลักการโครงการดังกล่าวรวมถึงกรอบวงเงินสำหรับดำเนินการแล้ว รวมทั้งได้มีการบรรจุโครงการอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 แล้ว  สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

1.รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เป็นค่าสิ่งก่อสร้าง ปี 2568 จำนวน 109.76 ล้านบาท ปี 2569-2572 จำนวน 439.06 ล้านบาท ค่าครุภัณฑ์ ปี 2569-2572 จำนวน 356.63 ล้านบาท  โดยการดำเนินโครงการจะเป็นการพัฒนาระบบบริการและศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูงด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของจ.เชียงใหม่ โดยการก่อสร้างอาคารและจัดซื้ออุปกรณืการแพทย์ เช่น เครื่องมือกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือด และเครื่องมือภายในห้องผ่าตัด

ขณะที่กรอบอัตรากำลังตามภาระงาน หรือค่า FTE ระบุว่า แพทย์มีสัดส่วน 36 คน และพยาบาล 155 คน

2.รพ.สวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ เป็นค่าสิ่งก่อสร้าง ปี2568 จำนวน 111.75 ล้านบาท ปี 2569-2572 จำนวน 447.04 ล้านบาท ค่าครุภัณฑ์ ปี2569-2572 จำนวน 204.76 ล้านบาท

3.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรี เป็นค่าสิ่งก่อสร้างปี 2568 จำนวน 122.99 ล้านบาท ปี 2569-2572 จำนวน 491.74 ล้านบาท ค่าครุภัณฑ์ ปี 2569-2572 จำนวน 395.48 ล้านบาท ขณะที่กรอบอัตรากำลังตามภาระงาน หรือค่า FTE ระบุว่า พยาบาล 137 คน

4.รพ.มหาราชนครราชสีมา ค่าสิ่งก่อสร้าง ปี 2568 จำนวน 778.23 ล้านบาท ปี 2569-2572 จำนวน 3,112.93 ล้านบาท เป็นค่าครุภัณฑ์ปี 2569-2572 เป็นงบ 563.50 ล้านบาท ขณะที่กรอบอัตรากำลังตามภาระงาน หรือค่า FTE ระบุว่า แพทย์มีสัดส่วน 151คน และพยาบาล 400 คน

โดยทั้ง รพ.สวรรค์ประชารักษ์ รพ.พระปกเกล้า และรพ.มหาราชนครราชสีมา เป็นการดำเนินการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศ   5 ด้าน คือ (1) โรคหัวใจและหลอดเลือด               (2) โรคมะเร็ง               (3) อุบัติเหตุและฉุกเฉิน (4) ทารกแรกเกิด         (5) การรับบริจาคและปลูกถ่ายอวัยวะ โดยการก่อสร้างอาคารและจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

5.รพ.มะการักษ์ จ.กาญจนบุรี เป็นค่าสิ่งก่อสร้าง ปี 2568 จำนวน 93.89 ล้านบาท และปี 2569-2572 เป็นเงิน 775.54 ล้านบาท ส่วนค่าครุภัณฑ์ ปี 2569-2572 จำนวน 189.62 ล้านบาท โดยให้จัดตั้งศูนย์ผ่าตัดมะเร็งเต้านมและเคมีบำบัด ตั้งศูนย์ผ่าตัดส่องกล้อง เป็นต้น โดยค่า FTE เป็นแพทย์ 17 คน และพยาบาล 75 คน

หมายเหตุ: สำนักงาน ก.พ. แจ้งว่า สธ. ได้บริหารอัตรากำลังโดยวิธีการเกลี่ยและไม่เพิ่มกรอบอัตราข้าราชการ
 

ส่วนที่ 2 ในส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้น สำนักงบประมาณเห็นควรให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ตามแผนหนี้สาธารณะ โดยอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังทำความตกลงกับแหล่งเงินกู้ ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นต้องก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่า หนึ่งปีงบประมาณ สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป เห็นสมควรที่คณะรัฐมนตรี จะอนุมัติให้ สธ. ดำเนินการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ ตามนัยมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561