อธิบดีกรมควบคุมโรค สั่งการหน่วยงานในสังกัด ลงพื้นที่เฝ้าระวังและประเมินสุขภาพประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียม พร้อมแนะวิธีป้องกัน เลี่ยงพื้นที่อาคารโรงงาน

 

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ตรวจสอบพร้อมเฝ้าระวัง และประเมินสุขภาพประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากสารแคดเมียม กรณีบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดตาก ขายกากแร่สังกะสี และกากแร่แคดเมียม ให้กับบริษัทในจังหวัดสมุทรสาคร โดยสารดังกล่าวนพ.อภิชาต กล่าวว่า ได้กำกับติดตามให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 จังหวัดราชบุรี และกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม ร่วมลงพื้นที่เร่งค้นหาผู้ที่ได้รับผลกระทบในบริเวณข้างเคียง ตรวจคัดกรองสุขภาพ และสุ่มตรวจหาสารแคดเมียมในปัสสาวะของประชาชนเพิ่มเติม  นอกจากนั้นยังให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ และแนวทางปฏิบัติตัว พร้อมทั้งทำการศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อไป

ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ประกาศห้าม มิให้บุคคลใดๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดๆ ในพื้นที่โรงงาน เป็นระยะเวลา 90 วัน ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร ร่วมกับโรงพยาบาลสมุทรสาคร ลงพื้นที่ตรวจสุขภาพพนักงานที่ทำงาน จำนวน 11 ราย แยกเป็น คนไทย 8 ราย ต่างด้าว 3 ราย ซึ่งได้มีการดำเนินการดังนี้ 1.ซักประวัติตามแบบฟอร์มการสัมผัสสารโลหะหนักแคดเมียม 2.ตรวจวัดสัญญาณชีพ เบื้องต้นไม่พบความผิดปกติ 3.เก็บปัสสาวะส่งตรวจหาสารแคดเมียมในปัสสาวะ ผลจะได้ภายในระยะ เวลา 1 สัปดาห์

นพ.อภิชาต กล่าวต่อว่า สารแคดเมียม มีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการแบบเฉียบพลัน ได้แก่ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ระคายเคืองหลอดลม จมูก และคอ นอกจากนี้ หลังจากการรับสัมผัสเป็นระยะเวลานานจะก่อให้เกิดพังผืดที่ปอด พิษต่อไต โรคกระดูก หรือที่รู้จักกันในโรคอิไต อิไต และก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ เบื้องต้น“กากแคดเมียม” ได้มีการจัดเก็บในสถานที่มิดชิด ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้ตรวจสอบแล้วพบว่ากากแคดเมียมและกากสังกะสีมีการผสมด้วยปอร์ตแลนด์ซีเมนต์ 30% เพื่อทำลายฤทธิ์และอยู่ในสถานะแข็งตัว หากเก็บไว้ในสถานที่มิดชิดและหากไม่มีการชำระล้างจะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

 ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ควรปฏิบัติตัวดังนี้ 1.หลีกเลี่ยงการเข้าไปในเขตพื้นที่โรงงาน 2.หากมีการสูดดมเข้าไป ให้รีบไปอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้ง อากาศบริสุทธิ์  3.หากเข้าตา รีบล้างด้วยน้ำสะอาดและพบจักษุแพทย์  4.หากเผลอกลืนกิน รีบดื่มน้ำตามทันที อย่างน้อย 2 แก้ว และ 5. หากมีอาการผิดปกติ รีบปรึกษาแพทย์ทันที ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐ เป็นระยะ อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม ที่มักฉวยโอกาสในการให้ข่าวที่ไม่เป็นความจริง ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422