รมว.สาธารณสุข แจงรายละเอียดขั้นตอนออกกฎกระทรวงฯ ปมกำหนดปริมาณยาบ้า 5 เม็ด ชี้มีขั้นตอนตามกฎหมายมอบอำนาจทำได้ หลัง “ผู้การแต้ม” ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ชงศาลปกครอง ล้มประกาศ สธ.
จากกรณีพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีกระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่า มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567 โดยหนึ่งในนั้นมีการกำหนดปริมาณการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ยาไอซ์ไม่เกิน 100 mg เป็นการครอบครองเพื่อเสพ ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ป่วย เป็นต้น เนื่องจากเห็นว่ากฎกระทรวงดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น
ยาบ้า 5 เม็ดไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เดิมอิงประกาศ คสช.
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง ว่า ประเด็นที่ว่ากฎกระทรวงขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น จริงๆ กฎกระทรวงออกตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 107 ซึ่งให้รมว.สาธารณสุข กำหนดปริมาณยาเสพติดฯ ซึ่งกฎหมายให้อำนาจ ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปออกกฎกระทรวงได้เลย ต้องผ่านกระบวนการ มีคณะกรรมการที่มาจากทุกภาคส่วน ทั้งป.ป.ส. ทหาร ตำรวจ แพทย์ มาร่วมยกร่าง โดยจะมีกำหนดปริมาณชัดเจนตามประเภทยาเสพติด ซึ่งจริงๆมี 20 รายการ โดยมีการกำหนดปริมาณให้ได้ แต่ละตัวจะไม่เหมือนกัน
“คณะกรรมการยกร่างจะพิจารณาเป็นตัวๆ ไป เช่น ยาบ้า มีการพิจารณาตั้งแต่ 10 เม็ด 15 เม็ด 5 เม็ด หรือ 1 เม็ด โดย 15 เม็ด กับ 1 เม็ด เคยเสนอแต่ไม่ผ่าน ดังนั้น ตัวเลขสุดท้ายคณะกรรมการกำหนดอยู่ที่ 5 เม็ด ซึ่งเหมาะสมที่สุด และอิงจากฐานเดิมที่เคยกำหนดและประกาศใน คสช.ปี 2557 ประกาศคสช.ฉบับที่ 108/2557 กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษประเภท 1 คือ ยาบ้าอยู่ที่ 5 เม็ด ใหสันนิษฐานว่าเอาไปเสพ และให้เข้าสู่การบำบัด มีที่มาที่ไปเยอะ” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จริงๆ เรื่องยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ดก็มีเงื่อนไข แต่หากครอบครองย่อมมีโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว จะกี่เม็ด 1 เม็ด 2 เม็ด 5 เม็ด ยิ่งหากไปตรวจเจอว่า มีพฤติการณ์ค้าอีก แต่หากเสพก็จะเข้าสู่บำบัดได้ หากสมัครใจ การบำบัดก็ไม่ใช่ว่าบำบัดแล้วจบ จะมีขั้นตอนต่างๆอีก อย่างไรก็ตาม การออกกฎกระทรวงฯ มีขั้นตอน มีการสอบถามความคิดเห็นประชาชน 15 วัน ซึ่งแสดงความเห็นหลากหลายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่สัดส่วนเห็นด้วย 5 เม็ดว่าเหมะสม
“พวกที่ออกมาคัดค้านช่วงหลัง ช่วงที่ให้แสดงความคิดเห็นไม่เห็นออกมาแสดงความคิดเห็นเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารับฟังความเห็นแล้ว สรุปร่างก็นำเข้าครม. จนมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2566 หลังจากนั้นส่งให้กฤษฎีกาตรวจร่างดังกล่าว จากนั้นผมลงนามวันที่ 31 ม.ค. และประกาศในราชกิจจาฯ วันที่ 9 ก.พ.2567 จะเห็นว่าเราทำตามขั้นตอน ส่วนที่ถามผมว่า เรื่องนี้จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ผมจะตอบได้ว่าขัดหรือไม่ แต่จริงๆ ศาลจะไม่วินิจฉัยกฎหมายลูก แต่จะวินิจฉัยตัวกฎหมายใหญ่ที่ผ่านรัฐสภา” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ดึง 1.9 ล้านคนที่แฝงในชุมชนออกจากวงจรผู้ค้ารายย่อย
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า ส่วนการยกเลิกกฎกระทรวงนั้น การออกมาก็ตามขั้นตอนที่กล่าว ซึ่งผู้มีอำนาจถ้าจะปรับเปลี่ยนก็จะเป็นไปตามขั้นตอนดังกล่าว โดยยกร่างมาใหม่ ผ่านความคิดเห็นต่างๆ และเสนอครม. ก็จะมีขั้นตอนอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้การแต้ม ไปยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมท้าให้รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ไปถามประชาชน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนกรณีจะให้ลงไปถามประชาชนเรื่องนี้ จริงๆ ตนลงพื้นที่มาตลอด ถามชาวบ้านเรื่องนี้ อย่างที่ผ่านมาได้ลงไปดูเรื่องการบำบัดรักษา ลงไปในชุมชน ก็พบข้อมูลว่า ยังมีกว่า 1.9 ล้านคนที่แฝงอยู่ในชุมชน หากไม่เอากลุ่มนี้ออกมาจากวงจรเดิม คนกลุ่มนี้ก็จะเป็นเครื่องมือของผู้ค้ารายย่อยทันที เราต้องรีบแก้ไข นอกจากบำบัดรักษา ยังต้องร่วมกับชุมชนในการช่วยเหลือ เรียกว่า ชุมชนล้อมรักษ์ มีสถานบำบัด โดยหากมีอาการก็เข้าบำบัดสถานพยาบาล มินิธัญญารักษ์ ซึ่งกลุ่มนี้มีอาการ 4 แสนกว่า แต่ไม่มีอาการอีกกว่า 1.4 ล้านคน เราต้องปลุกชุมชน
ชี้ นายกฯ เน้นชุมชนช่วยลดการตีตรา
“อย่างท่านนายกฯ บอก 3 ป.ปลุกชุมชน อย่างวันที่ 18 ก.พ.นี้ผมจะลงไปจ.น่าน ที่มีการทำชุมชนล้อมรักษ์ด้วย ทั้งหมดคือ การช่วยให้พวกเขากลับสู่สังคมได้ ไม่เช่นนั้นหากยังทำแบบเดิมๆ ตีตราเป็นคดี พอหาย จะกลับไปสมัครงานก็ไม่มีใครรับ ถูกตีตราขี้ยา แล้วจะกลับคืนสังคมอย่างไร แต่กฎหมายนี้เราต้องการให้เขากลับมาได้ เน้นฟื้นฟูสังคม คือ ฟื้นฟูสุขภาพ ปัญหา และอาชีพ เราต้องเติมให้พวกเขา 3 เรื่องมีอาชีพกลับคืนสู่สังคม และขอย้ำว่า หากสมัครใจไปบำบัด แต่หากหนี ก็ยังเป็นคดี และยิ่งไม่สมัครใจบำบัดก็จะเป็นคดีอยู่แล้ว ดังนั้น จะเห็นว่า หากเรากันคนกลุ่มนี้กว่า 1.4 ล้านคน ก็จะตัดวงจรจากผู้ค้ารายย่อยได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
- 547 views