เวทีขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพ วางโรดแมป 3 มติ ‘สมัชชาผู้สูงอายุ’ สช.-พม.-ภาคีร่วมร่างแผนรองรับสังคมสูงวัยเล็งใช้กลไกทุกภาคส่วน ด้าน “หมอสุเทพ” เผยข้อมูลผู้สูงอายุส่วนใหญ่สุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานหรือสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ มุ่งขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตวัยทอง  หารายได้เพิ่มเติมตามช่วงวัย

 

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงานประสานงานนโยบายรองรับสังคมสูงวัย (สป.สว.) พร้อมด้วยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นระดับนโยบายต่อแผนที่ยุทธศาสตร์ (Road map) การขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพผู้สูงอายุระดับชาติ รองรับสังคมสูงวัย ปี 2566 โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนงานรองรับสังคมสูงวัย พร้อมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วมประชุมอย่าคับคั่ง

 

สำหรับการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันพิจารณา Road map เพื่อขับเคลื่อนมติสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติรองรับสังคมสูงวัย ที่ภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพฯ ได้ร่วมกันมีมติออกมาเมื่อเดือน เม.ย. 2566 จำนวน 3 มติ ก่อนที่จะนำไปสู่การร่าง Road map เพื่อให้ภาคีเครือข่าย รวมถึงองค์กร หน่วยงาน ภาคส่วนต่างๆ ที่มีภารกิจตามมติ ได้นำไปเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติที่รอบด้าน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนบนทิศทางเดียวกัน และบรรลุไปสู่เป้าหมายร่วมกัน

ในส่วนของมติสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติรองรับสังคมสูงวัย ปี 2566 จำนวน 3 มติ ประกอบด้วย

มติที่ 1

การบริหารจัดการแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีประสิทธิภาพ มีเป้าหมายให้ประชากรทั้งก่อนวัยสูงอายุ (25-59 ปี) และวัยสูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) มีคุณภาพชีวิตที่ดีทั้ง 4 มิติ คือ มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยมีการกำหนดผลลัพธ์ 3 ด้าน คือ 1. เกิดแผนงานบูรณาการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัยในระดับชาติ โดยใช้ประเด็นร่วมและกลไกการขับเคลื่อนร่วมกัน 2. เกิดแผนบูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุระดับพื้นที่ 3. เกิดกลไกที่ช่วยสนับสนุนติดตามการดำเนินงาน ภายใต้แผนบูรณาการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย

มติที่ 2

การพัฒนาระบบและกลไกการบูรณาการ การบริการสังคมและสุขภาพเพื่อการพัฒนาผู้สูงอายุไทย มีเป้าหมายเพื่อบูรณาการทั้งระดับกระทรวง กรม กอง และจังหวัด ภายใต้ยุทธศาสตร์ร่วมกัน เพื่อมุ่งให้ความสำคัญกับการบริการที่ตอบสนองความต้องการต่อผู้สูงอายุอย่างแท้จริง โดยมีการกำหนดผลลัพธ์ให้มีประเด็นยุทธศาสตร์สำหรับบูรณาการบริการสังคมและสุขภาพเพื่อพัฒนาผู้สูงอายุ ให้มีแผนการทำงานร่วมกันในระดับจังหวัดและระดับพื้นที่ รวมถึงให้มีพื้นที่ตัวอย่างเพื่อทดลองใช้เครื่องมือ กลไกตามแผนบูรณาการทำงานร่วมกัน พร้อมกับกำกับและติดตามผล

มติที่ 3

เทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการรองรับสังคมสูงวัย มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสามารถในการใช้งานเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับสังคมสูงวัย โดยมีการกำหนดผลลัพธ์ คือการยกระดับความสามารถในการใช้งาน การเข้าถึง และการตระหนักถึงภัยคุกคามจากเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้สูงอายุ พร้อมกันนี้ยังมุ่งเน้นส่งเสริมให้มีการวิจัยนวัตกรรมเพื่อสังคมสูงวัย เป็นนวัตกรรมที่ผู้สูงอายุสามารถใช้งานเพื่อช่วยเหลือและเป็นประโยชน์ต่อตนเองได้อย่างเหมาะสมและกว้างขวาง

ทั้งนี้ ภายหลังที่ประชุมได้ร่วมกันรับทราบมติสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติรองรับสังคมสูงวัย ปี 2566 ครบทั้ง 3 มติ จึงได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นอย่างแพร่หลาย โดยประเด็นสำคัญของที่ประชุมไม่ว่าจะเป็น ขอให้มีการกำหนดเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนการทำงานแต่ละมติที่มีความชัดเจน โดยมอบหมายให้กรมกิจการผู้สูงอายุ พม. เป็นเจ้าภาพหลัก ซึ่งจะทำหน้าที่ขับเคลื่อน และเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ในการทำงานร่วมกัน

นอกจากนี้ ที่ประชุมส่วนใหญ่ยังเห็นพ้องถึงประเด็นของการให้กองทุนต่างๆ ที่รับผิดชอบและขับเคลื่อนงานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุ และสังคมสูงวัย ได้สนับสนุนการขับเคลื่อนในแต่ละพื้นที่ร่วมกัน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนงานตาม 3 มติ ที่ต้องใช้งบประมาณเพื่อหนุนเสริมการทำงาน โดยรายละเอียดข้อคิดเห็นที่รวบรวมได้จากที่ประชุมครั้งนี้ จะถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 6 กระทรวง 13 หน่วยงาน เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนตามมติสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติรองรับสังคมสูงวัย ปี 2566 ต่อไป

วัยเกษียณยังทำงานหารายได้ที่เหมาะสมตามวัยได้

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยในเวทีเสวนาหัวข้อ “มองไปข้างหน้าสู่การพัฒนาขับเคลื่อนมติสู่การปฏิบัติให้เป็นจริง” ตอนหนึ่งว่า สังคมสูงวัยเป็นประเด็นที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญและเข้ามาขับเคลื่อนร่วมกัน โดยในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) มองว่าการขับเคลื่อนเป้าหมายให้เป็นรูปธรรมนั้น ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันในการทำให้ผู้สูงอายุที่อยู่ในปัจจุบัน รวมถึงในอนาคตที่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้น ต้องมีสุขภาพดี มีรายได้ สามารถดูแลตัวเองได้ หรือมีผู้ดูแลในภาวะพึ่งพิง

นพ.สุเทพ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีสุขภาพที่แข็งแรง และยังสามารถทำงานหรือสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้ ประเด็นนี้จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้สูงอายุและสังคมสูงวัย เพราะตัวเขาจะสามารถใช้ร่างกายที่แข็งแรงและสุขภาพดีอยู่นั้น ไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ หรือหารายได้เพิ่มเติมจากการส่งเสริมอาชีพที่เหมาะสมกับช่วงวัยได้

“ในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเพื่อรองรับสังคมสูงวัยร่วมกัน สช.จะทำบทบาทช่างเชื่อม เพื่อเชื่อมประสานและบูรณาการการทำงาน ระหว่างหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนให้เข้ามาร่วมกันขับเคลื่อน และหนุนเสริมการทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายร่วมกัน” นพ.สุเทพ กล่าว

ขณะที่ น.ส.บุษยา ใจสว่าง รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า เป้าหมายที่กรมฯ ต้องการ คือการทำให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีสุขภาพที่แข็งแรง และได้อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีในบ้านของตนเอง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าเป้าหมายนี้ กรมกิจการผู้สูงอายุไม่อาจทำได้โดยหน่วยงานเดียว หากต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อมาบูรณาการทำงานกัน โดยมติของสมัชชาผู้สูงอายุฯ นี้จะเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น ไปจนถึงระดับประเทศ

“มติทั้ง 3 ของสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติรองรับสังคมสูงวัย ปี 2566 แม้ว่ากรมกิจการผู้สูงอายุจะเป็นเจ้าภาพหลัก แต่ก็ทำลำพังไม่ได้ ทว่าการขับเคลื่อนจะนำไปสู่เป้าหมายได้จริงแน่นอน หากมีการบูรณาการทำงานร่วมกัน และต้องมีกลไกที่ช่วยให้ทุกหน่วยงานเข้ามาทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จในการขับเคลื่อนทั้ง 3 มติได้” รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าว

กรมส่งเสริมปกครองฯ ตั้งคกก.ทำงานเฉพาะผู้สูงอายุ

ด้าน นายกรวุฒิ บรรยงวรพินิจ ผู้อำนวยการกองพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กล่าวว่า สถ. ได้เตรียมเชิญองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 40 แห่งจาก 4 ภาคใน 10 จังหวัดทั่วประเทศ มาร่วมวงเสวนาการบริหารจัดการของท้องถิ่นในการพัฒนาระบบและรองรับสังคมสูงวัย ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ที่ จ.สงขลา ซึ่งคาดว่าจะมีผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ อปท. กว่า 500 คนเข้าร่วม โดยจะมีการนำมติทั้ง 3 ของสมัชชาผู้สูงอายุระดับชาติรองรับสังคมสูงวัย ปี 2566 ไปนำเสนอให้ได้รับทราบ เพื่อให้ท้องถิ่นได้ร่วมแลกเปลี่ยนและวางแผนขับเคลื่อนการทำงานให้นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

“กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่นมองว่า การยกระดับทุกภาคส่วนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย จำเป็นต้องร่วมมือกันเป็นภาคีเครือข่าย ซึ่งทางกรมก็ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อทำงานเรื่องนี้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเพื่อสร้างสังคมให้เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ และเหมาะสำหรับทุกช่วงวัยด้วย” นายกรวุฒิ กล่าว

อนึ่ง เวทีการประชุมในวันนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในแต่ละประเทศทั่วโลกเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งในส่วนของประเทศไทยได้ดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว จนนำไปสู่การจัดทำเป็นแผนที่ยุทธศาสตร์รองรับการขับเคลื่อนเพื่อยกระดับสังคมสูงวัย และยังเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ WHO ต้องการเห็นผลสำเร็จของการขับเคลื่อน และนำไปเป็นตัวอย่างให้กับประเทศสมาชิกต่อไป

 

(ข่าวเกี่ยวข้อง : “หมอสุเทพ” บทบาทใหม่ เลขาธิการ คสช. ขับเคลื่อนระบบสุขภาพรับนโยบาย QuickWin)