ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้วสำหรับการลงคะแนนเลือกประเทศเจ้าภาพจัด Specialised Expo 2028 ในเดือนมิ.ย.นี้ ซึ่งทีมงานกำลังพยายามเดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มที่เพื่อโอกาสในการเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้จัดงาน Expo ระดับโลก
ล่าสุดนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยคณะทีมประเทศไทย นำโดย รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) และภาคเอกชน จัดงาน Symposia พบปะกับบรรดาทูตจากประเทศต่างๆในจีน เพื่อนำเสนอเกี่ยวกับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ Expo 2028 Phuket Thailand
นับเป็นครั้งที่ 2 ของการเดินสายทำ Symposia ในต่างประเทศต่อจากที่ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากขึ้นเวทีนำเสนอความพร้อมครั้งสุดท้ายต่อหน้าคณะกรรมการ BIE ในงาน Thailand Symposia "Experience The Future of Life" ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนก.พ. โดยเน้นกลุ่มที่มีความเป็นไปได้ในการขอเสียงสนับสนุน
โฟกัสหาเสียงในภูมิภาคและแอฟริกา
“การตอบของทูตแต่ละประเทศถือว่าโอเค อย่างตอนไปออสเตรเลีย เป็นทูตในกลุ่มหมู่เกาะทางใต้ ซึ่งในการโหวต 171 เสียงที่มีสิทธิโหวตมี 1 คะแนนเท่ากันทุกคน ในฐานะที่เราเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวของเอเชียแปซิฟิก จึงตั้งใจไปหาเสียงกับเขา” ธเนศ ตันติพิริยะกิจ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ในนามภาคเอกชน กล่าวพร้อมเสริมว่า “ส่วนการไปจีนก็จะโฟกัสกลุ่มแอฟริกา เพราะมีสถานทูตอยู่ในจีนเยอะ และทวีปแอฟริกาก็เป็นอีกทวีปหนึ่งที่ไม่มีคู่แข่งของเรา”
สำหรับคู่แข่งของภูเก็ต ในนามประเทศไทย ได้แก่ เซอร์เบีย อาร์เจนตินา สเปน และสหรัฐ โดยมีคู่แข่งที่น่ากลัวคือ สเปน และสหรัฐ ที่อยู่ในทวีปยุโรปและอเมริกา
ขณะที่กระบวนการโหวตในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ สมาชิก BIE จะไปประชุมพร้อมกันเพื่อโหวตเลือกประเทศเจ้าภาพ ซึ่งเดิมทีจะใช้ระบบประเทศไหนได้ 2 ใน 3 จะได้สิทธิในการเป็นเจ้าภาพไปเลย แต่เมื่อดูสถิติที่ผ่านมาปรากฎว่าทุกงานของ BIE ไม่เคยมีประเทศไหนชนะแบบ 2 ใน 3 ได้เลย จึงมีการเปลี่ยนวิธีการเป็นการโหวตแต่ละรอบ เช่น รอบที่ 1 คะแนนเสียงน้อยที่สุดออก โดยที่การโหวตในรอบต่อไปก็ยังเป็นคนเดิมที่ลงคะแนน
“ตอนนี้เป็นกระบวนการหาเสียงที่ลงลึกในดีเทล ต้องขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศที่เต็มที่มากๆ หลายสถานทูตในต่างประเทศเสนอตัวว่ามาทำ Symposia ที่เขา เช่นสถานทูตที่อินเดียจะมีสถานทูตที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ประจำประเทศนั้น ๆ แต่มีเขตอาณาครอบคลุมถึงอยู่ไม่น้อย ซึ่งมีแอฟริกาใต้ถึง 19 แห่ง”
มั่นใจโอกาสมากกว่า 50%
ธเนศ กล่าวว่า เชื่อว่าภูเก็ตมีโอกาสมากกว่า 50 เปอร์เซนต์ โดยประเมินจากคู่แข่งทั้งหมด ซึ่งถือเป็นโอกาสค่อนข้างสูง เพราะในการไปหาเสียงที่ต้องแข่งกับทั้ง 4 ประเทศ ก็ต้องประเมินว่าประเทศไหนที่มีโอกาสจะตกเป็นประเทศแรก และใครคือผู้สนับสนุนเขา เพื่อที่จะได้ไปขอเสียงเหล่านั้นกลับมาหาไทยในรอบต่อไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่ยากและต้องมีการประเมินกันพอสมควร
เกี่ยวกับความมั่นใจในการขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่มเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นประเทศไทยเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวนั้น นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เผยว่าค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่ลืมในบางประเทศก็อาจมีสัมพันธ์ที่ดีกับคู่แข่ง เช่น อเมริกา
“กระบวนการหาเสียงจึงต้องวิเคราะห์กันในหลายปัจจัย เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างนักลงทุน แม้กระทั่งเรื่องของภาษา อย่างสเปนอาจเป็นประเทศที่ดูไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับอเมริกา แต่ถ้าพูดถึงกลุ่มที่พูดสแปนิชถือว่าเยอะพอควร เมื่อประเมินกันในเวย์นี้ เขาก็ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว”
ต้องจัดตั้งคณะทำงานทันทีหากได้รับเลือก
ในที่สุดแล้วหากภูเก็ตได้รับเลือกจริงๆ ธเนศ เชื่อว่าสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือรัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะต้องจัดตั้งคณะทำงาน เพราะนี่คืออีเวนต์ระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ ประเทศในอาเซียนไม่เคยมีใครได้จัด การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพไม่ใช่แค่ภูเก็ต เพียงแค่มาใช้พื้นที่ภูเก็ต ซึ่งอาจจะค่อนข้างเป็นที่รู้จักจากทำแซนด์บ็อกซ์และดำเนินการต่อเนื่อง
“เพราะฉะนั้นมองว่า งานนี้ระดับประเทศ รัฐบาลใหม่ต้องเข้ามาจัดตั้งคณะทำงานชุดใหญ่ที่มีตั้งแต่ระดับหัวหน้ารัฐบาล หรือรองนายกเศรษฐกิจที่จะมาดูเรื่องนี้ เพราะมันยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องทำ เช่นเรื่องงานก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไรเลย”
อย่างที่สองคือ การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านคมนาคมขนส่ง ไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ ที่จะต้องสร้างความเชื่อมโยงกัน รวมทั้งการบูรณาการในหลายมิติ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ เมื่อมีอีเวนต์ระดับอย่านี้ คือคนที่จะเข้ามา ควรจะมีคลังสินค้าทัณฑ์บน ต้องมีพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ร่วมงานกว่า 100 ประเทศ
“ผมเชื่อว่างานพวกนี้เป็นงานที่มีไลน์อัพ แปลว่าเวลาประเทศไหนที่เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกหรือบอลโลก เขาก็จะไม่จัดแค่โอลิมปิกหรือบอลโลก เขาจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดพีค เมื่อไปถึงจุดนั้นก็ยังมีไลน์อัพการทำอีเวนต์ไปอีก ซึ่งผมมองว่าการทำงานระดับอย่างนี้ มือระดับจังหวัดคงยากมาก และต้องมีการใส่งบประมาณเข้ามา ปีนี้ก็ 2023 แล้วหากชนะได้จัดต้นปี 2028 มีเวลาอีกแค่ 4 ปีนิดๆ ถือว่าน้อยมาก”
ต่อให้แพ้ สิ่งที่ทำก็ไม่สูญเปล่า
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต เชื่อว่า สุดท้ายหากไม่ชนะ วันนี้ประเทศไทยและภูเก็ตก็ได้ไปโปรโมตให้โลกใบนี้ได้รับรู้ว่าประเทศไทยไม่ได้มีแค่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกับการพักผ่อนหรือครอบครัวเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังเตรียมความพร้อมสำหรับตลาดไมซ์ ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น Meeting, Incentive Travel, Convention และ Exhibition
นอกจากนี้ธีมของภูเก็ต คือ เมดิคัลแอนด์เวลเนส นั่นหมายถึงสิ่งที่ได้ทำไปแล้วได้เอาชื่อเสียงในเรื่องนี้ไปโปรโมต ประเทศไทยไม่ได้มีดีแค่ชายหาดสวยงาม อาหารอร่อย วัฒนธรรมที่น่าสนใจ แต่ยังมีเทคโยโลยีด้านการแพทย์และ Well Being หรือความเป็นอยู่ที่ดี เป็นอีกหนึ่งโปรดักต์ที่ดี
“ผมไม่เชื่อว่่ารัฐบาลใหม่ที่เข้ามาจะใจร้ายตัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับการอนุมัติผ่านไปหมดแล้วของฝั่งอันดามันทั้งหมด แม้จะไม่มีงาน ไม่มีคน 5 ล้านคนมาในมี.ค.-พ.ค. ปี 2028 แต่ถ้าเราดูตัวเลขในทางกลับกันเราจะเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ททท.และรัฐบาลวางเอาไว้ และทุกรัฐบาลในโลกก็ให้ความสำคัญกับเรื่องท่องเที่ยว นี่คือประโยชน์ของพื้นที่”
“ส่วนในแง่ของจังหวัดภูเก็ต ที่ผ่านมาในทุกวิกฤตจะมีโอกาสใหม่ๆ เสมอ นับตั้งแต่ปี 2540 ตอนนั้นประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ตอนสึนามิเราก็แย่ แต่ภูเก็ตก็ได้ประโยชน์จากวิกฤตครั้งนั้น พอมาถึงโควิด ภูเก็ตก็แย่เพราะพึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 90 เปอร์เซนต์ แต่เมื่อเราทำแซนด์บ็อกซ์มันกลายเป็นว่า 8 ใน 10 ของนักท่องเที่ยวในโลกรู้จักภูเก็ต และผมก็เชื่อว่าคนในอุตสาหกรรมไมซ์ อาจจะไม่เคยคิดว่าภูเก็ต พังงา เป็นไมซ์ด้วย แต่เมื่อเราเสนอตัวทำงานเอ็กซิบิชั่นระดับโลกที่รับคนได้ 4-5 ล้าน สร้างชื่อเสียงและเกิดโปรดักซ์ตัวใหม่ให้กับประเทศเรา ผมเชื่อว่าคนภูเก็ตเองก็เตรียมความพร้อมสำหรับเดินไปข้างหน้าต่อไป”
เดินหน้าต่อ Wellness Center
ด้านนพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เปิดเผยว่า ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร โครงการ Wellness Center ในความรับผิดชอบของรพ.วชิระ ภูเก็ต บนพื้นที่ที่จะจัดงาน ณ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจังหวัดภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลกจะดำเนินการต่อ
สำหรับศูนย์บริการทางการแพทย์ครบวงจร ได้รับอนุมัติงบประมาณ 1,411.70 ล้านบาท ประกอบด้วย ศูนย์บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับนานาชาติครบวงจร (International Health/Medical Plaza) ศูนย์อภิบาลสุขภาพผู้สูงอายุนานาชาติ (Premium Long Term Care) ศูนย์ใจรักษ์ (Hospice Home) หรือศูนย์การดูแลแบบประคับประคองในระยะสุดท้ายของชีวิต และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูครบวงจร (Rehabilitation Center) โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2568
ทั้งนี้ คอนเซปต์ของ Wellness Center จะเหมือนห้างสรรพสินค้าแต่เกี่ยวกับสุขภาพและออกแบบอิงธรรมชาติ มีทั้งโรงพยาบาลเอกชน คลินิก หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องมาใช้พื้นที่ร่วมกัน เป็นศูนย์รวมวิทยาการทางการแพทย์และการส่งเสริมสุขภาพที่ดี เชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวระดับนานาชาติ โดยเป็นด่านหน้าในการเจอกับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างประเทศ ส่วนศูนย์อื่นๆ เป็นอาคารแยกออกไปเป็นโซนสงบต่างหาก
อย่างไรก็ตาม นพ.วีระศักดิ์ เชื่อว่า โอกาสในการได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัด Specialised Expo 2028 ของภูเก็ตน่าจะเกิน 50 เปอร์เซนต์เช่นกัน เพราะทุกฝ่ายต่างก็พยายามทำเต็มที่ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ ทีเศ็บ จังหวัดภูเก็ตและภาคเอกชน ซึ่งหากประเทศไทยชนะ นอกจากในส่วนของ Wellness Center แล้ว จะมีการสร้างศูนย์ประชุมขนาด 5,000 ที่นั่งเพิ่มเติม
- 511 views