สธ.เฝ้าระวังสายพันธุ์โควิดยังไม่พบ XBB.1.16 จากอินเดีย รณรงค์ฉีดวัคซีนโควิดพร้อมไข้หวัดใหญ่ พร้อมเร่งฉีด LAAB กลุ่มเสี่ยงในบ้านพักคนชรา ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ป่วยฟอกไต ภายใน พ.ค. นี้ ช่วยลดอัตราเสียชีวิตสูง 48%
วันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ทั่วโลก มีแนวโน้มพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลดลง เช่นเดียวกับประเทศไทย โดยข้อมูลวันที่ 19-25 มีนาคม 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่ 150 ราย เฉลี่ย 21 รายต่อวัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 30 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 19 ราย และผู้เสียชีวิต 6 ราย เฉลี่ย 1 รายต่อวัน อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตทั้งหมดยังเป็นกลุ่ม 608 และส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับเกิน 3 เดือน
ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB)
ส่วนภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) ซึ่งฉีดไปแล้วกว่า 6 หมื่นราย พบว่ามีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ที่สำคัญ ช่วยลดอัตราเสียชีวิตได้ถึง 48% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือ LAAB และในกลุ่มเสี่ยงที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากโรคโควิด 19 พบว่าช่วยลดการเสียชีวิตลงได้ประมาณ 1 ใน 4 จึงให้แจ้งหน่วยงานในพื้นที่เร่งรัดการฉีด LAAB ให้กับกลุ่มเสี่ยงในบ้านพักคนชรา ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ผู้ป่วยฟอกไต โดยให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขตสุขภาพกำกับติดตามให้เสร็จก่อนช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมกับรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด 19 ในกลุ่มอื่นควบคู่กันไป
“สถานการณ์โรคโควิด 19 ขณะนี้เริ่มมีลักษณะใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดใหญ่ คือจะมีการระบาดในช่วงหน้าฝนเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน จึงให้มีการทบทวนมาตรการทั้งการเฝ้าระวังสอบสวนโรค การเฝ้าระวังสายพันธุ์ แนวทางการรักษา รวมถึงการฉีดวัคซีนที่จะเน้นฉีดในกลุ่มเสี่ยงจำนวน 1-2 เข็ม ซึ่งคณะกรรมการวัคซีนจะพิจารณาออกแนวทางคำแนะนำให้เหมาะสมต่อไป” นายแพทย์โอภาสกล่าว
การเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า สำหรับการเฝ้าระวังสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทย สายพันธุ์ ที่พบมากสุดยังเป็น BA.2.75 แต่มีแนวโน้มลดลง ขณะที่สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.5 และ XBB.1.9.1 มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนสายพันธุ์ XBB.1.16 ที่พบในประเทศอินเดียและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีตำแหน่งกลายพันธุ์ที่สัมพันธ์กับความสามารถในการหลบภูมิคุ้มกันทั้งจากการติดเชื้อธรรมชาติและจากวัคซีน มีการเติบโตสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าจะส่งผลต่อความรุนแรงของโรค และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักในที่สุด ขณะนี้ยังไม่พบ XBB.1.16 ในประเทศไทย ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และเครือข่ายห้องปฏิบัติการของประเทศไทย ยังคงเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
*สามารถกดติดตาม และแชร์ข่าวสำนักข่าว Hfocus ที่ https://www.facebook.com/Hfocus.org
- 267 views